3 สถานที่สุดหลอน รวมของแปลกที่มีดวงวิญญาณสถิตอยู่
3 สถานที่สุดหลอน ที่เรานำมาเล่าให้ฟังในวันนี้ เป็นสถานที่สุดเฮี้ยนสุดหลอน ที่เป็นที่ร่ำลือของคน ในละแวกนั้น ถึงความน่ากลัว ที่แม้แต่คนแถวนั้น ยังไม่กล้าเข้าใกล้ เป็นสถานที่จาก 30 สถาน ที่สุด หลอน ที่อยู่ในประเทศไทย ที่มีสิ่งของชวนขนลุก ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน
3 สถานที่สุดหลอน มีที่ไหนและมีของแปลกอะไรบ้าง?
รูปปั้นร้องไห้ โรงแรมม่านรูดร้าง จ.ราชบุรี
โรงแรมม่านรูดร้าง จังหวัดราชบุรี ตั้งอยู่ในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เมื่อ 20 ปีก่อนเป็นที่รู้จักกันดี ของคนในอำเภอบ้านโป่ง เพราะเป็นที่พัก ที่เป็นทางผ่าน ของคนเดินทางขึ้นเหนือลงใต้
สาเหตุจากการถูกทิ้งร้าง เนื่องมาจากในช่วง ยุคเศรษฐกิจไม่ดี และผู้บริหารได้เสียชีวิต ด้วยความแก่ชรา โรงแรมแห่งนี้ จึงต้องปิดตัวลง ภายในบริเวณโรงแรม เป็นโรงแรม 2 ชั้น ที่เป็นห้องขนาดเล็ก มีเพียงเตียงและห้องน้ำเท่านั้น คล้ายกับ สุสานโสเภณี จังหวัดกาญจนบุรี
ในสมัยก่อนบริเวณ ด้านหลังของตัวโรงแรม เคยมีสวนหย่อมที่มีรูปปั้น ไว้ให้แขกมาพักผ่อน แต่หลังจากโรงแรมปิดตัว ที่นี่ก็กลายเป็นป่ารกร้าง จึงมีคนนำศพ จากการถูกฆาตกรรม มาทิ้งไว้ในบริเวณนี้ หลายศพจนทำให้ คนลือกันว่า มีวิญญาณมาสิงสถิต อยู่ในรูปปั้นผู้หญิงที่อยู่ตรงนั้น
ปัจจุบันคนที่มาลองของที่นี่ มักจะได้กลิ่นซากศพ เหม็นไปทั่วตรงบริเวณนั้น และยังมีชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น เห็น รูปปั้นผู้หญิง ที่อยู่บริเวณคูน้ำตรงนั้น มีคราบน้ำตาเป็นสีเลือด ที่ไหลออกมา และเคยเห็นดวงวิญญาณ ของผู้เสียชีวิต มานั่งอยู่ที่คูน้ำ บริเวณจุดทิ้งศพ
เมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ 2526 เกิดเหตุคดีฆาตกรรม อดีตสามีฆ่ารัดคอหญิงสาว จนเป็นการเพิ่มความหลอน ให้กับสถานที่แห่งนี้ จนไม่มีใครกล้าเข้ามา ในบริเวณโรงแรมแห่งนี้ คนที่เข้ามาลองของ แม้จะเป็นเวลากลางวัน ก็ยังรับรู้ได้ถึงความวังเวง และความหลอน ที่ได้รับในสถานที่แห่งนี้
รูปปั้นตา-ยายไม่มีหัว จอมปลวกรูปโกศ ศาลาการเปรียญวัดบ้านแก
วัดบ้านแก ตั้งอยู่ตำบลศรีพราน อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ศาลาการเปรียญนี้ เฮี้ยนจนชาวบ้าน ไม่กล้าเข้าวัด นอกจากมีงานที จะมาที่วัดกันเท่านั้น เพราะว่ามีคนเจอผี ที่หลายคนแล้ว ศาลาการเปรียญแห่งนี้ สร้างเมื่อปีพ.ศ 2512 จนในปัจจุบัน ก็ยังสร้างไม่เสร็จ เปลี่ยนผู้รับเหมามาแล้วกว่า 100 ราย เพราะเมื่อเข้ามา ก่อสร้างที่นี่แล้ว ก็ต้องมีกันไปจนหมด
โดยบางรายได้มานอน เล่นอยู่ใต้ถุนศาลา แต่ก็มีคนมาปลุก บอกว่าเจ้าอาวาสเรียก พอเขาไปหาเจ้าอาวาส ท่านก็บอกว่า ไม่ได้ให้ใครเข้าไปตาม ส่วนศาลาการเปรียญแห่งนี้ ก็ปล่อยให้ฝุ่นจับ นอกจากมีงานสำคัญ จึงจะทำความสะอาดได้ เพราะชาวบ้านเล่าว่า ทำความสะอาดโดยไม่มีงานใดๆ หลังจากนั้นไม่ถึง 7 วันจะต้องมีคนตายทุกครั้ง
สาเหตุที่สถานที่นี้ มีสัมภเวสีอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องมาจากเมื่อสมัยก่อน ที่นี่เป็นสถานที่เผาศพ โดยใช้วิธีเผาแบบกองฟอน จึงมีวิญญาณของผู้คนจำนวนมาก ที่ตายไปแล้วยังมีห่วงยึด ติดอยู่ในที่สถานที่แห่งนี้
ในบริเวณที่แห่งนี้มี สิ่งของที่แปลก ที่ชวนขนลุกอยู่ ในศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ 3 แห่ง โดยตั้งอยู่กลางแจ้ง ถูกปล่อยให้รกร้าง ไม่มีคนมากราบไหว้ดูแล โดยมีศาลปูนสีส้ม และศาลไม้ตั้งอยู่คู่กัน
ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อสมัยก่อนที่แห่งนี้ มีผู้คนมากราบไหว้กันมากมาย วัดแห่งนี้เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน และบัดนี้ได้รกร้างไปแล้ว และภายในศาลสีส้มแห่งนี้ ได้เคยมีพระสยามเทวาธิราช สีทองประดิษฐานด้วย แต่ในปัจจุบันไม่มีแล้ว
และของแปลกที่สุดของที่นี่คือ มีศาลเพียงตา ตั้งอยู่ข้างศาลาการเปรียญเฮี้ยนนี้ ภายในจะมี รูปปั้นตา-ยายไม่มีหัว อยู่ภายในศาลเพียงตาแห่งนี้ โดยสาเหตุที่รูปปั้นตา-ยายไม่มีหัวนั้น ยังไม่มีใครทราบแน่ชัด บ้างก็ว่ามีคนที่เล่นคุณไสยตั้งใจ ทำมาเป็นอย่างนี้ เนื่องจากอัญเชิญวิญญาณ ผีหัวขาดมีสิงสถิต
บ้างก็ว่าเป็นเพราะคนที่มากราบไหว้ขอเลขเด็ดนั้น ฝันเห็นผีหัวขาดมาให้โชค แล้วจึงมาสร้างศาลตา-ยายหัวขาด ให้คนมากราบไหว้ขอเลขเด็ดกัน และมีคนพบว่ามีวิญญาณ คนโบราณเป็น ผู้ชายนุ่งโจงกระเบนยืนอยู่ในละแวกนั้น
เมื่อเดินสำรวจใต้ถุน ด้านล่างของเมรุ ที่ติดกับศาลาการเปรียญแห่งนี้ พบว่ามีของแปลกอีกอย่างหนึ่ง นั้นก็คือ จอมปลวกขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายโกศใส่กระดูก
ที่มีพลังงานของวิญญาณ อาศัยอยู่ภายใน จอมปลวกนี้มากมาย และไม่ใช่จอมปลวก ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นการเปลี่ยนรูปร่าง ด้วยพลังงานดวงวิญญาณ และถ้าหากว่าใครไปแตะต้อง ต้องมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นแน่ๆ
ชาวบ้านในละแวกนั้น เล่าว่าในทุกปี จะมีการจัดงานเลี้ยงโต๊ะจีนผี เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ให้กับวิญญาณสัมภเวสี ที่สิงสถิตอยู่ ณ ที่นี้ โดยระหว่างการจัดงาน การตั้งโต๊ะอาหาร ที่มีอาหารและเครื่องดื่มมากมาย
โดยมีชาวบ้านในหมู่บ้าน ที่ไปร่วมงานหลายคน เห็นเด็กวิ่งลงมาจากศาลา แล้วมาหยิบอาหาร และนมไปกิน โดยที่ไม่ทราบว่าเป็นใคร ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ และยังมีเด็กวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ จากต่างบ้านมาลองดี สถาน ที่สุด หลอน ใน เกม
โดยพากันไปลองของ บนศาลาในเวลากลางคืน หลังจากนั้นไม่นาน ก็พากันวิ่งหนีบางสิ่งบางอย่าง โดยแบกเพื่อนคนหนึ่ง ออกมาจากศาลา จนกลายเป็นที่เล่าขาน ความเฮี้ยนของศาลาการเปรียญแห่งนี้
รูปปั้นหุ่นกระดูกผีตายโหง 242 ตัว สำนักสงฆ์ร้าง อ.ซ่วน
สำนักสงฆ์ร้างอาจารย์ซ่วน ตั้งอยู่ในอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา บริเวณพื้นที่ 2 ไร่เต็มไปด้วยหุ่นรูปปั้นกว่า 242 ตัว ในสำนักสงฆ์ของ พระอาจารย์ซ่วนแห่งนี้ และหากเอ่ยชื่อ อาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร แห่งวัดลาดใต้ จังหวัดฉะเชิงเทรา คงไม่มีใครไม่รู้จัก สุดยอดพระเกจิ ชื่อดังแห่งยุคท่านนี้
โดยเฉพาะปลัดคิก สุดยอดเครื่องรางของขลัง 30 ศัตรู ที่ท่านได้ปลุกเสกไว้ โดยตำราปลุกเสก จากหลวงพ่ออี๋ เดิมทีพระอาจารย์ซ่วน ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดลาดใต้ แต่มีผู้คนขอให้ท่าน ช่วยสะเดาะเคราะห์ และเข้ามาขอ เครื่องรางของขลัง กันเป็นจำนวนมาก
พระอาจารย์ซ่วน จึงได้เข้ามาก่อตั้ง สำนักสงฆ์แห่งนี้ ขึ้นมาไว้เพื่อ ใช้เป็นสถานที่พักผ่อน เนื่องจากท่านเป็นคน ที่ชอบสร้างบุญช่วยเหลือคน ช่วยสะเดาะเคราะห์ ให้แก่ผู้คนที่เข้ามา ขอความช่วยเหลือ
สิ่งของแปลกในที่นี้ นั้นก็คือรูปปั้นหุ่น แต่ไม่ใช่หุ่นธรรมดา เพราะหุ่นในที่แห่งนี้เต็มไปด้วย รูปปั้นหุ่นที่ถูกสร้างขึ้น ที่มีส่วนผสมของกระดูกผีตายโหง ตามวิชาอาคม ที่ท่านได้เรียนมา
และมีการตั้งโต๊ะทำพิธี เซ่นไหว้ในทุกๆวัน โดยหุ่นรูปปั้นหุ่น ในสำนักสงฆ์ร้าง ของพระอาจารย์ซ่วนแห่งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ่นรูปปั้น ตามวรรณคดีไทย การ์ตูนที่น่ากลัว ที่สุด และหุ่นรูปปั้นทางศาสนาต่างๆ ทั้งไทยจีนและอินเดีย เช่นหุ่นรูปปั้น ในศาสนาพราหมณ์ของอินเดีย
รูปปั้นแปดเซียนของจีน ตลอดจนรูปปั้นยักษ์ จากวรรณกรรมต่างๆ หลังจากที่ท่าน ได้มรณภาพในปีพ.ศ 2536 ด้วยวัย 63 ปี สำนักสงฆ์แห่งนี้ จึงถูกปล่อยทิ้งร้าง มาเป็นเวลานานถึง 24 ปี สภาพพื้นที่จึงดูรกร้าง และหุ่นรูปปั้นกว่า 242 ตัวจึงถูกปล่อยทิ้งเอาไว้
จนมีต้นไม้และเถาวัลย์ น้อยใหญ่ขึ้นปกคลุม จนดูน่าสะพรึงกลัว สำหรับคนที่ได้ เข้ามาพบเห็น นอกจากนี้ยังมี พระนอนที่ยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งภายในมีพระพุทธรูป จำนวนมากอยู่ภายใน โดยผู้คนไม่สามารถ เข้าถึงบริเวณดังกล่าวได้
และรูปร่างต่างๆเหล่านี้ ล้วนมีวิญญาณ จากกระดูกผี ที่นำมาใช้เป็นส่วนผสม ของร่างหุ่นทั้งนั้น โดยหลายตัวล้วนมีประวัติ ที่มีผู้คนได้พบเห็น ความแปลกประหลาด หรือเคยเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง จึงทำให้ผู้คนไม่กล้า เข้ามาใกล้สถานที่แห่งนี้
แต่หลังจากที่ได้มี รายการโทรทัศน์ กุ๊ก กิ๊ก กลืน เกม เข้ามาถ่ายทำรายการ ในสถานที่แห่งนี้ จึงทำให้เริ่มมีผู้คน รู้จักสถานที่แห่งนี้ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และต้องการเข้ามาพิสูจน์ ความลี้ลับในสถานที่แห่งนี้มากขึ้น
โดยเฉพาะ ในเวลากลางวัน แต่ทว่าไม่มีคน ที่กล้าเข้ามา ในช่วงตอนกลางคืน เพราะต่างกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น Okaruto-Kun
โปรดติดตามเรื่อง ลี้ลับลึกลับหลุดโลก และ รวมของแปลก ได้ที่นี่ที่เดียว
จั่นเจา เขียน.