ไอโซพอดยอดฮิต รวบรวมสายพันธ์ุ ไอโซพอตที่นิยมเลี้ยง กันมากที่สุดในไทย จะมีพันธุ์ไหนบ้าง
ไอโซพอดยอดฮิต เป็นสัตว์ในกลุ่ม ครัสเตเชียนหรือว่า สัตว์ขาปล้องนะครับ เช่นกุ้งกั้งปู มันมีความใกล้ชิด กับไอโซพอตมากที่สุดแล้วครับ ซึ่งไอโซพอตเค้าเรียกว่า Living fossil หรือว่าฟอสซิว ที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะเนื่องจากมันมีอายุมายาวนาน ประมาณสามร้อยห้าสิบล้านปี ในยุคที่ยังมีไดโนเสาร์อยู่
ซึ่งเขาพบเจอฟอสซิว ของไอดซพอต ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส ลักษณะของไอโซพอต ก็เป็นสัตว์ขาปล้อง บางชนิดยังสามารถ ม้วนตัวได้ด้วย ซึ่งลำตัวมันจะเป็นปล้อง ๆ มีเกราะแข็ง เอาไว้ป้องกันตัว
แล้วก็ชื่อ ไอโซพอต เป็นภาษาละตินแปลว่า สัตว์ที่มีขาสมดุลหลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า ทำไมมันมีหนวด หนวดของมันมีหน้าที่ เอาไว้ตรวจจับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น ความชื้น อากาศ แล้วก็อาหารนั่นเอง เพราะว่าดวงตา ของมันอาจจะทำงาน ได้ไม่ดีเท่าหนวด
ชื่อของไอโซพอดยอดฮิต ทั่วโลกก็จะเรียกแตกต่างกัน ไอโซพอด ไทย มีชื่อเรียกว่า ตัวกะปิ ตัวกะปิเนี่ยมันอยู่ ดามดินตามหญ้า จะหาเจอได้ง่าย แต่ไอโซพอตที่มีสีสันสวยงาม
ส่วนใหญ่อยู่ในป่าลึก อยู่ในถ้ำหรือว่าอยู่ตามโขดหิน ทำให้เราไม่สามารถ พบเจอตัวได้ง่าย โดยที่ไอโซพอตก็มีทั้งหมด เกือบหนึ่งหมื่นสายพันธ์ุ แต่ไอโซพอตที่อยู่บนบก มีประมาณห้าพันชนิด ส่วนที่เหลือก็จะอาศัย อยู่ในน้ำ
เราจะเห็นข่าวบ่อย ๆ ที่ว่ามีไอโซพอตยักษ์ กินซากปลาวาฬ ที่อยู่ใต้ทะเลลึก แม้กระทั่งข่าวตัวกินลิ้น ก็คือไอโซพอตชนิดหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในปากปลา เพื่อกินเลือดเนื้อของปลา ไอโซพอดยอดฮิต ที่นิยมเลี้ยง เป็นไอโซพอตที่ อยู่บนบกตลอดเวลา ไม่สามารถลงน้ำได้
นี่เป็นเพียงความรู้คร่าว ๆ ว่าไอโซพอตนั้น มีที่มายังไง และทำไมถึงเป็นสัตว์ที่ กำลังเป็นกระแสในตอนนี้ วันนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่าไอโซพอตที่นิยมเลี้ยง กันอยู่ในเมืองไทย แล้วก็ทั่วโลกนิยม จะเป็นชนิดไหนบ้าง
ไอโซพอตยอดฮิต ที่นิยมเลี้ยงในเมืองไทย เหมาะกับมือใหม่ ที่จะหัดเลี้ยง มากันที่พันธุ์แรกกับ White Ducky นั่นเอง
ไอโซพอตที่มีหน้าม้า มีลำตัวขนาดกลาง ค่อนข้างไปทางขนาดใหญ่ ลำตัวอ้วนป้อม ถือว่าเป็น ไอโซพอดยอดฮิต ที่เลี้ยงง่ายชนิดหนึ่ง แล้วก็ออกลูกไวด้วย จุดเด่นของเค้า ก็คือมีหน้าม้า มีสองสีด้วยกัน ก็คือออริจินัลขาวสลับดำ แล้วก็มีด้านหน้าสีขาว ด้านหลังเป็นสีทอง White Ducky ออกลูกประมาณ 10 ถึง 15 ตัว
ก็ถือว่าเป็น ไอโซพอตที่ให้ลูกเยอะเหมือนกัน จากการเลี้ยงก็สังเกต ว่าพวกมันชอบที่ไม่ชื้น แล้วก็ไม่แห้งจนเกินไป เอาเป็นว่าความชื้น กำลังพอดี ๆ อุณหภูมิที่เหมาะสม จะอยู่ที่ 25 – 28 องศาเซลเซียส ใครที่มีห้องแอร์ แนะนำให้เลี้ยงในห้องแอร์ ใครไม่มีห้องแอร์ แนะนำให้หล่อน้ำเอาไว้ สายพันธ์นี้ ไอโซพอด ราคา อยู่ที่ประมาณ 550 – 650 บาท แล้วแต่ไซส์
ไอโซพอด สายพันธุ์ ที่มีราคา ไม่แพงจนไปถึงราคากลาง จะมีสายพันธุ์ไหนบ้าง มากันที่สายพันธุ์ต่อมา เป็นอีกชนิดที่มีราคาไม่แพง แล้วก็ให้ลูกง่ายนั่นเอง กับสายพันธุ์ Panda King เนื่องจากหน้าตาแล้วก็ สีสันของพวกมัน จะคล้ายกับหมีแพนด้า นั่นก็คือหัวดำตัวขาว แล้วก็หนวดสีดำ มีความขาวดำสลับกัน
มีลำตัวขนาดกลาง จนไปถึงเล็ก โดยที่นิสัยของมัน ชอบมุดอยู่ใต้ดิน ใครที่เลี้ยงเจ้าแพนด้า ต้องระวังให้ดี ในเรื่องของการคุ้ยดิน เนื่องจากลูก ๆ ของมันมักจะชอบ ไปหลบตัวอยู่ใต้ดิน เป็น ไอโซพอดยอดฮิต ที่ค่อนข้างเลี้ยงง่าย แล้วก็ได้รับความนิยมสูง
การจัดกล่องสำหรับเลี้ยง ก็เหมือนไอโซพอตทั่วไป ค่อนข้างชอบที่ชื้นไปทางแห้ง ราคาขายก็อยู่ที่ 100 – 150 บาทโดยประมาณ ต่อมาก็จะเป็น สายพันธุ์ Amber เหมาะสำหรับมือใหม่เริ่มต้น ราคาก็ไม่แพง อยู่ที่ประมาณ 250 – 300 บาท
ทั้งนี้ก็แล้วแต่ช่วง แล้วแต่ร้านด้วย เป็นไอโซพอตที่ เลี้ยงง่ายกินเก่ง มักจะชอบมาโชว์ตัว แล้วก็ให้ลูกดกด้วย โดยที่จุดเด่นของสายพันธุ์นี้ ก็คือมีสีส้ม ในช่วงลอกคราบก็จะมีสีเข้ม และสีสันจะอยู่ที่ อาหารการกินด้วย
โดยส่วนใหญ่ก็มักจะเกาะ อยู่ใต้เปลือกไม้ หรือว่าก้อนหิน หินปูนต่าง ๆ ปะการัง ไลม์สโตน หรือจะเป็นกระดองปลาหมึก มีขนาดลำตัวที่ไม่เล็กเลย ไซส์กำลังดี มีสีสันสวยงาม เหมาะสำหรับมือใหม่ ที่กำลังมองหา ไอโซพอดยอดฮิต มาเลี้ยง มากันที่สายพันธุ์ต่อมา
กับสายพันธุ์ เลมอนบลู ซึ่งมีสีที่หวานมาก ซึ่งจุดเด่นก็คือ มีสีม่วงบางตัวจะเป็นสีน้ำตาล และบางตัวจะมีสีดำ โดยสีโทนเข้มก็จะเป็นวงกว้าง อยู่ช่วงกลางตัว และขอบตัวก็จะเป็นสีเหลืองสด ขนาดตัวก็มีขนาดใหญ่ มองเห็นได้ชัดเจน
ใครที่เลี้ยงไว้ก็แทบจะไม่ต้องคุ้ย ไม่ต้องใช้แว่นขยาย กันเลยทีเดียว และการออกลูกก็ ออกได้ดีพอสมควร ให้ลูกง่ายแล้วก็เลี้ยงง่าย อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเลี้ยง ควรอยู่ที่ 25 – 28 องศาเซลเซียส ถ้าอยู่ในที่เย็นก็จะออกลูกดก โดยที่พฤติกรรมของเจ้าเลมอนบลู ชอบโชว์ตัวในเวลากลางคืน และไม่ค่อยมุดดิน บางตัวก็ชอบอยู่ที่ หินปูนเย็น ๆ
เป็นตัวที่นิยมในต่างประเทศ ราคาขายในต่างประเทศ ก็มีราคาเกือบหนึ่งพันบาท แต่ในเมืองไทยก็มีราคา ประมาณหกร้อยบาท เป็นไอโซพอตราคากลาง
และเป็นพันธุ์ที่คุ้มค่าแน่นอน และพันธุ์ต่อมาก็คือ สายพันธุ์จูปิเตอร์ ซึ่งให้ลูกได้เยอะ ออกลูกไวและให้ลูกง่าย จัดอยู่ในกลุ่มให้ลูกง่าย การเลี้ยงก็ไม่มีขั้นตอน ที่ยุ่งยากมาก โดยที่จุดเด่นก็จะค้ลาย กับพันธุ์เลม่อนบลู
แต่ที่แตกต่างก็คือจะมีบั้งเหลืองกลางลำตัว ส่วนหัวเป็นสีส้ม มีตูดสีส้มแล้วก็ด้านหลัง ก็จะมีบั้งสีดำเหลือง มีหนวดสีเหลือง มีดวงตาที่น่ารักมากแล้วก็ ชอบโชว์ตัว บางคนอาจจะกังวลว่า ไอโซพอดยอดฮิต ส่วนใหญ่ จะเดินค่อนข้างไว แต่สายพันธุ์นี้เดินช้า จนถึงช้ามาก
ก็เป็นอีกพันธุ์นึงที่น่าเลี้ยงมาก ๆ และราคาในปัจจุบัน ก็อยู่ที่ 550 – 600 บาท แล้วแต่ช่วงแล้วก็ แล้วแต่ไซส์ด้วย การจัดการก็ไม่ยุ่งยาก และเหมาะมากสำหรับมือใหม่
ลี้ลับลึกลับหลุดโลก สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม มากที่สุดในไทย จะเป็นสายพันธุ์ใด
มากันที่สายพันธ์ุที่ 6 ก็มีชื่อว่า Rubber ducky ซึ่งหน้าตาของมัน ก็จะเหมือนเป็ด หรือตุ๊กตาเป็ด และถือว่าเป็น ไอโซพอดยอดฮิต ที่ชอบความชื้น ไม่ค่อยชอบที่แห้ง หากมีไลม์สโตน ก็ควรใส่ให้มันด้วย และควรมีแร่ธาตุต่าง ๆ ให้พวกมันได้แทะ
ไม่ว่าจะเป็น กระดองปลาหมึก หรือว่าจะเป็นปะการัง แคลเซียมก็ได้ โดยที่นิสัยนั้น ก็ชอบนอนใต้เปลือกไม้ และมันชอบอยู่ที่ชื้น และค่อนข้างขี้อาย พวกมันอาจจะกิน พวกเศษซากตามดิน ไม่ต้องกังวลอะไรพวกนี้ ว่าอาหารที่ให้ไป ทำไมไม่ค่อยลดเลย
ความจริงแล้ว ไอโซพอดยอดฮิต มันกินแค่นิดเดียว มันกินพวกซากพืชซากสัตว์เล็ก ๆ ให้ลูกไวและง่าย และอากาศที่ชอบ ก็จะเย็นสักหน่อย อยู่ที่ประมาณ 25 องศาเซลเซียส ลักษณะพิเศษนอกจาก หน้าตาจะเหมือนเป็ดแล้ว
ก็คือมีหลังสีดำ หัวสีเหลือง แล้วก็ตัดด้วยปากสีส้ม ทำให้ดูเหมือนตุ๊กตาเป็ด ลำตัวมีลักษณะกลมป้อม หลายคนก็คงจะ ชอบสีสันในลักษณะนี้ ซึ่งราคาขายก็มักจะสวิงสักหน่อย โดยมีราคาอยู่ที่ 350 – 800 บาท แล้วแต่ไซส์แล้วแต่จังหวะที่ไปซื้อ
เป็นพันธุ์ที่มีราคากลาง จนไปถึงราคาสูง หากเลี้ยงในห้อง ก็ควรเป็นห้องที่มี อุณหภูมิเย็นสักนิดนึง ในธรรมชาติก็ อาจจะเหลือน้อยแล้ว เนื่องจากความต้องการนั้นสูงมาก
ติดตาม สัตว์ประหลาด กันต่อได้ที่ >>>