ไดโนเสาร์ กับความลับ ของการมีเพศสัมพันธ์ ของไดโนเสาร์ ที่หลายคนไม่เคยรู้
ไดโนเสาร์ เราต่างรู้กัน ว่าไดโนเสาร์เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ เราต่างรู้ถึงความน่าเกรงขามของมัน แต่เรายังไม่รู้ ว่าพวกมันมีเพศสัมพันธ์กันอย่างไร
สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน พบกันอีกครั้งแล้วกับหัวข้อ รวมของแปลก กับผู้บรรยาย สาระความรู้อย่าง BOMEBAMB และวันนี้ทางผู้เขียน ก็มีเรื่องที่น่าสนใจ และผู้เขียนก็คิดว่า มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก ๆ นั้นก็คือเรื่องของการมี เพศสัมพันธ์ของไดโนเสาร์นั้นเองค่ะ
เพื่อไม่ให้เป็นการ ยืดเวลามากเกินไป งั้นเราไปเข้าเรื่องกัน กับหัวข้อว่า ไดโนเสาร์และการมีเพศสัมพันธ์
ไดโนเสาร์ กับการสืบพันธุ์ ว่าแปลกอย่างไร และไดโนเสาร์ ผสมพันธุ์กันอย่างไร
เรามาพูดถึงสาระกันนะคะ เรื่องนี้จริงแล้ว เราหลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติ เหมือนกับที่เรามองพวก ไดโนเสาร์วิ่ง หรือไดโนเสาร์หากิน แต่พอลองนึกย้อนกลับไป สารคดีในวัยเด็ก ที่ทางผู้เขียน ได้ดูผ่านมานั้น ไม่เคยบอกถึง การผสมพันธุ์ของไดโนเสาร์เลย
และเมื่อยกลับมาถึงจุดนี้ จุดที่นักเขียน มีความอยากรู้มากกว่า ความปกติทำให้นักเขียน ไปค้นคว้าข้อมูล แล้วปรากฏความจริงว่า ไดโนเสาร์ แท้จริงแล้วทั้งหมดนี้ไม่ใช่ ไดโนเสาร์พันธุ์ ประเภทเดียวกัน ในความหมายถึง ไดโนเสาร์ทุกตัว ไม่ได้เป็นสัตว์เลื้อยคลาน
และมีแค่บางตัวที่ใช่เท่านั้น นอกจากนี้แล้ว เรื่องของสายพันธุ์ ยังเป็นตัวบ่งบอกอีกว่า ไดโนเสาร์ตัวนั้น จะสามารถทำอะไรได้ เช่น ทำให้มีลักษณะตัวที่เบา สามารถบินได้หรือเป็น ไดโนเสาร์กระโดด สูงได้ทั้งหมดนี้ เพียงเพราะการกำหนดสายพันธุ์
เช่น แม้ว่า ไดโนเสาร์คอยาว จะออกลูกเป็นไข่ แต่ก็เป็นสัตว์เลือดอุ่น ไม่เหมือนกับสัตว์กินเนื้อที่เป็นประเภท ของสัตว์เลือดเย็นนั้นเอง ทั้งนี้ที่กล่าวมา ทางผู้เขียนกำลังจะโยงไปหาว่า สัตว์พวกนี้นอกจาก สายพันธุ์จะต่างแบบสิ้นเชิง จะต่างทั้งลักษณะของ การเดิน , การวิ่ง , หรือการกระโดด
อีกสิ่งหนึ่งที่ถูกกำหนด ให้พวกมันต่างกันนั้นก็คือ การมีเพศสัมพันธ์ ของพวกมันนั้นเอง โดยเราจะสามารถแยกและจำแนก พวกไดโนเสาร์ได้ว่า ไดโนเสาร์ประเภทไหน จะมีการผสมพันธุ์กันท่าไหน โดยเราสามารถกำหนดได้ ทีนี้ก็ได้เกิดคำถาม เป็นไอเดียเชิงวิทยาศาสตร์ ดังต่อไปนี้
ยุคไดโนเสาร์ สืบพันธุ์กันทางไหนนะ มีใครรู้บ้าง?
เป็นเรื่องที่ต้องยอดรับว่า แปลกเพราะคนส่วนใหญ่ คงไม่รู้ว่า ไดโนเสาร์ แท้จริงแล้วพวกมัน มีอวัยวะการสืบพันธุ์แบบไหน เพราะอย่างที่เราเข้าใจว่า สิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมด ของโลกใบนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือตัวผู้กับตัวเมีย และตัวผู้กับตัวเมีย ต้องมีอวัยวะเพศ ใช้ในการสืบพันธุ์
อันหมายถึงผู้หญิง หรือตัวเมียจำเป็นต้องมีรังไข่ ในการฟักตัวอ่อน และเพศผู้หรือตัวผู้ ต้องมีสิ่งที่เรียกว่า “Penises” (ภาษาไทยก็กระจู๋ นั้นเองค่ะ)
อาจฟังเป็นเรื่องตลกนะ แต่ทางศูนย์วิจัยทางนานาชาติ กลับคิดว่าเรื่องนี้ไม่ตลก นั้นเพราะว่าทุก ๆ ครั้งที่พวกเขา พูดคุยกันเรื่องเพศสัมพันธ์ ทุกอย่างต้องหยุดลงที่ พวกมันจะมีกระจู๋จริง ๆ หรือเปล่าแม้ว่า จะเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ แต่นอกจากความดุร้าย และการคำนวณแรง จากขนาดของมัดกล้ามเนื้อ
นอกนั้นพวกเราก็แทบ ไม่รู้อะไรเลย ว่าพวกมันต้องฟักไข่ไหม พวกมันผสมพันธุ์อย่างไร และที่พีคสุดคือ พวกมันจะมีกระจู๋จริง ๆ ใช่ไหม แล้วท่านผู้อ่าน คิดว่าอย่างไรคะ ทีนี้เรามาต่อกันค่ะ นักวิทยาศาสตร์หลายกลุ่ม พยายามแบ่งประเภทพวกมันออก
เพื่อให้รู้ว่าพวกมัน อาจมีการผสมพันธุ์ ที่แตกต่างกัน และพวกมันอาจจะมีวิธีฟักไข่ แบบของตัวเอง ซึ่งนั้นก็หมายความว่า พวกมันอาจจะ มีกระจู๋จริง ๆ ก็ได้แต่นั้น อาจจะไม่ได้เกิด กับไดโนเสาร์ทุกสายพันธุ์ แต่ยังมีนักวิชาบางคน คิดว่าไดโนเสาร์ อาจจะมีท่วงท่า แบบสัตว์ในปัจจุบัน
แต่จากการวิเคราะห์ของพวกเขา ก็บอกเลยว่า ไม่น่าเป็นไปได้ การที่ไดโนเสาร์ จะผสมพันธุ์แบบเดียวกับ สัตว์ในปัจจุบัน เช่นตัวอย่างที่เขายกกันว่า ไก่กับไดโนเสาร์ คือสัตว์ที่เป็นญาติกัน เพราะฉะนั้นแล้ว พวกมันจะต้อง ผสมพันธุ์ท่าเดียวกัน
ถ้าเราคิดถึงเรื่องสายพันธุ์ ที่ใกล้เคียงกัน นั้นก็อาจจะ พอมีความเป็นไปได้ แต่ว่าถ้าเราเทียบกับกายวิภาค ของไดโนเสาร์แล้ว พวกเราคงรู้ได้เลยว่า ถ้าพวกมันจะผสมพันธุ์กัน ด้วยท่าแบบไก่ ป่านี้พวกมันคงเป็น ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ ก่อนเวลาอันควรแน่ ๆ
ทั้งนี้ปัจจัยหลัก ก็เห็นได้เด่นชัดขึ้นนั้นก็คือ พวกมันอาจจะมี ท่าในการผสมพันธุ์ ที่แตกต่างกัน ตามประเภทและความเหมาะสม ของสายพันธุ์ตัวเอง เพราะไก่ไม่เหมือนกับ ไดโนเสาร์ ที่ไม่มีหางอันใหญ่โต เกือบร้อยละ 40 ของร่างกาย เพราะฉะนั้นแล้ว การที่จะผสมพันธุ์แบบไก่ ข้อนั้นตัดไปได้เลยค่ะ
แล้ว ไดโนเสาร์พันธุ์ ไหนผสมพันธุ์กันอย่างไร ถ้าไม่ใช่แบบที่เข้าใจ
มาถึงส่วนที่ปลื้มที่สุดแล้วค่ะ จะได้โชว์ภูมิเต็มที่หลังจากที่ พยายามนำมานาน ว่าพวกมันมีกระจู๋ หรือไม่มีกระจู๋กันแน่ เราจะขอแบ่ง ออกเป็นทั้งหมด 4 ท่าหลัก ๆ เพื่อเป็นการแบ่งกลุ่ม อย่างเข้าใจง่าย ๆ ว่าความจริงแล้ว ไดโนเสาร์สามารถ ผสมพันธุ์กัน ได้ท่าไหนบ้าง ดังต่อไปนี้
1 ท่าคร่อมหลัง เป็นท่าพื้นฐาน ที่เราสามารถพบเห็นได้ ในสิ่งมีชีวิต ที่เลี้ยงลูกด้วยนม ในปัจจุบัน แต่ว่าการผสมแบบนี้ จะเกิดขึ้นได้ แค่กับสัตว์ ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก หรือคิดตามประมาณน้ำหนัก ที่ขาของตัวเมีย จะรับน้ำหนักของตัวผู้ไหวนั้นเอง
รวมถึงการวิเคราะห์ว่า ไดโนเสาร์ทุกตัว ที่มีหนามบนหลัง ก็ไม่สามารถผสมพันธุ์ ท่านี้ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วจัดได้ว่า ไดโนเสาร์ที่ผสมพันธุ์ ด้วยท่าง่าย ๆ แบบนี้จะมีเพียง ไม่กี่สายพันธุ์บนโลก และแน่นอนว่า พวกมันรอดมาถึงปัจจุบันค่ะ
2 ท่านอนตะแคง เป็นท่าที่คิดว่า ไดโนเสาร์ส่วนใหญ่ควรจะทำได้ แต่ถ้าพูดถึง ไดโนเสาร์บางกลุ่ม ที่มีน้ำหนักใหญ่มาก และทั้งชีวิตไม่เคยลม หรือว่าเคยนั่ง หรือว่าเคยนอนเลย อย่างเจ้าพวกคอยาว เลยสันนิษฐานกันได้เลยว่า สายพันธุ์ที่เหมาะกับท่านี้
ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นพวกที่มีหลังเป็นหนาม เสียมากกว่าเพราะว่า 1 ขนาดตัวที่ไม่ใหญ่เกินไป 2 หลังของพวกมัน สามารถยึดเกาะพื้นได้ดี ตอนร่วมกิจกรรม และพวกมันก็ไม่สามารถทำท่าอื่น ๆ ได้แล้วค่ะ
3 ท่าหันหลังชนกัน เป็นท่าที่คิดว่าน่าจะเคยเห็น กันในสัตว์จำพวกตัวใหญ่ ๆ ใช่ค่ะ เจ้าพวกไดโนเสาร์ ที่ตัวใหญ่มาก ๆ จำพวกของกลุ่มคอยาวพวกนี้ เหมาะกับการทำท่าผสมพันธุ์แบบนี้
4 ท่านอนหงาย เป็นท่าที่เรียกว่าเบสิก สุดจะคิดค้นแล้ว แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ท่ามิชชันนารีนี้ คือท่าที่เหมาะกับพวกที่ตัวใหญ่ และเดินสองขาอย่างมาก เพราะเป็นท่าเดียวที่พวกมันสามารถทำกันได้ โดยที่ทั้งคู่ไม่บาดเจ็บ โดยทั้งหมดที่กล่าวมา คือท่าทั้งหมดที่ไดโนเสาร์ สามารถผสมพันธุ์กันได้นั้นเองค่ะ
บทส่งท้ายสรุปแล้ว ไดโนเสาร์สิ่งมีชีวิตโบราณ พวกนี้มีกระจู๋หรือไม่
ก็มาสรุปกันเลยนะคะ สำหรับเรื่องของ ไดโนเสาร์ ว่าพวกมันมีกระจู๋หรือไม่ จากผลการสำรวจ จากฟอสซิล ก็พบว่าพวกมันมีอวัยวะสืบพันธุ์ เหมือนกับสัตว์ในปัจจุบัน และบางตัวก็มี เป็นกระดูกที่ใช้ ในการสืบพันธุ์ แบบพวกสิงโตทะเลด้วยค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะกับสาระที่ BOMEBAMB นำมาให้ในวันนี้ หวังว่าทุกคนจะได้รับความรู้ ไปพร้อมกับผู้เขียนนะ และถ้าผู้อ่านชื่นชอบ เรื่องแปลกของผู้เขียน ก็สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ เว็บนี้ได้เลยนะ จะแวะมาเขียนเรื่องราวแบบนี้ ให้อ่านกันบ่อย ๆ เลยค่ะ
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้มาก ๆ และขอให้ท่านมีความสุข และอย่าลืมนะคะว่า แค่เพียงสงสัย ก็เกิดความรู้ได้ สวัสดีค่ะ
เรียบเรียงโดย BOMEBAMB