คนส่วนใหญ่รู้จัก เกาะอิสเตอร์ ว่าเป็นสะดือของโลก ที่ดูไปแล้วคล้ายกับพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ซึ่งได้เก็บสะสมซากประวัติศาสตร์รวมไปถึงแห่งอารยธรรมทางธรรมชาติ อย่างเช่น รูปปั้น โมอาย เกาะอีสเตอร์ ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับมนุษย์มีมากกว่า 600 ตัวเลยทีเดียว สำหรับความแปลกที่ถือว่าเป็นฝีมือของชาวโปลินีเซีย ที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ มีความประหลาดคล้ายกับ สโตนเฮนจ์ ใน หนังผีฝรั่ง ที่เราเคยได้รับชมกันเลยค่ะ
และธรรมชาติบนพื้นที่ของเกาะแห่งนี้ ก็ถือว่าเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ และคนที่เดินทางมาเพื่อเก็บภาพถ่ายกับ โมอาย เกาะอีสเตอร์ แล้ว เขาก็ยังจะมาเช่าจักรยานเพื่อปั่นเที่ยวรอบ เกาะ อีส เตอร์ ที่ เที่ยว บางคนก็อาจจะมีความสุขกับการดำน้ำตื้นและยังเล่นเซิร์ฟอีกด้วยนะคะ
เกาะอิสเตอร์ ดินแดนมหัศจรรย์ที่ใครก็อยากรู้ว่า เกาะอีสเตอร์อยู่ที่ไหน
ที่จริงแล้ว เกาะอีสเตอร์ ความสําคัญ คืออยู่ในอาณาเขตของประเทศชิลี หรือสาธารณรัฐชิลี และยังมีคำถามต่อไปอีกว่า เกาะอีสเตอร์อยู่ทวีปอะไร เกาะสวรรค์แห่งนี้ยังคงเป็นมนต์เสน่ห์แห่งทวีปอเมริกาใต้ อยู่ในประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศ ที่มีความยาวที่สุดในโลก แถมเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่เป็นสถานที่ของนักท่องเที่ยว ต่างก็ใฝ่ฝันอยากจะเดินทางมาเพื่อเยี่ยมชม
โมอาย อยู่ประเทศอะไร อาจจะเป็นคำถามของใครหลายคนแต่เพราะประเทศแห่งนี้เขาเต็มไปด้วยทะเลทราย ทะเล หน้าผา ภูเขาไฟก็มีนะ แถมยังมีธารน้ำแข็ง ให้ได้สัมผัสอีกต่างหาก และถ้ารู้แบบนี้แล้วน้อยคนจะไม่รีบแพ็คกระเป๋า แล้วปักหมุดไปเช็คอินกับประเทศที่เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ทางธรรมชาติอย่างชิลีอย่างแน่นอนค่ะ
เกาะอีสเตอร์ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมาปีละมากๆ
เกาะ อีส เตอร์ ที่ เที่ยว Easter Island หรือ ราปานุย Rapa Nui เป็น เกาะอีสเตอร์ ความสําคัญ ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออก ของคาบสมุทรแปซิฟิกแต่อยู่หากออกไปประมาณ 3,700 กม.จากประเทศชิลี และลักษณะของเกาะแห่งนี้มีรูปทรงที่เป็นสามเหลี่ยม และตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลคือ 600 เมตรมักจะเรียกเกาะแห่งนี้ว่าเป็นสะดือของโลก
ที่นี่เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เพราะว่าอุทยานแห่งชาติราปานุยก็เปรียบเสมือนอาคารกลางแจ้งขนาดใหญ่ ที่เป็นที่เก็บสะสมซากของประวัติศาสตร์และอารยธรรมต่างๆ เอาไว้แบบเป็นธรรมชาติ แต่ทราบหรือไม่ว่ามีหนึ่งในคอลเล็คชั่น ของสะสมก็คือเกาะแห่งนี้มีรูปปั้น โมอาย ได้แก่รูปปั้นหินที่มีลักษณะคล้ายกับมนุษย์ แต่ว่ามีส่วนของศีรษะขนาดใหญ่มากมายถึง 600 กว่าตัว
ซึ่งกระจัดกระจายอยู่รอบเกาะแห่งนี้ และมันเป็นอีกหนึ่งอย่าง ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของสถานที่แห่งนี้ว่า เป็นเกาะที่เคยมีมนุษย์อาศัยอยู่อย่างแน่นอน และเจ้า โมอาย เกาะอีสเตอร์ ที่ถูกแกะสลักจากหินเหล่านี้ ใช้หินเพียงก้อนเดียวในการแกะ ซึ่งแต่ละตัวจะมีลักษณะที่ไม่เหมือนกันแต่ก็แตกต่างกันไม่มาก
ซึ่งบางตัวก็เหมือนว่าจะมีหมวกใส่อยู่บนหัวด้วย แต่บางตัวก็ล้มนอนอยู่กับพื้น ทำให้นักโบราณคดีต่างก็สันนิษฐานว่า ผลงานที่เราเห็นอยู่นี้น่าจะเป็นฝีมือ ของชาวโปลินีเซียที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่เมื่อประมาณ 1 พันปีมาแล้ว
เกาะอีสเตอร์ ความสําคัญ คือเกาะที่มีแห่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ประเทศชิลีกำหนดให้ที่นี่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หรือที่เรียกว่าแบบ Eco-Friendly ทำให้ที่นี่ก็ยังเป็นพื้นที่ของเกาะที่ดูแล้วอุดมสมบูรณ์มาก เพราะหลังจากที่จะเดินทางเยี่ยมชมเกาะแปลกและมหัศจรรย์แล้ว ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็มักจะมีเป้าหมายเดินทางไปเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปย์เนที่ถือว่าเป็นอีกที่ของป่าสงวนของประเทศนี้ค่ะ
ความจริงก็ยังมีตำนานลึกลับของ เกาะอีสเตอร์ ประวัติ และเจ้าพวกโมอาย สังเกตได้จากเจ้าโมอายพวกนี้มีส่วนหัวไหล่ แขน และลำตัว ความจริงก็ถูกฝังมานานนับหลายปี ถ้าอยากจะตามหาว่าความหมายและตำนานของพวกมันนั้นสร้างขึ้นมาเพื่ออะไรก็ยังไม่ได้ปรากฏแน่ชัด ทำให้เกิดเป็นข้อสันนิษฐานต่างๆ นานา แต่อย่างหนึ่งที่พอจะเป็นเหตุเป็นผลก็คือ พวกชาว โพลิเนเซียน ที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่พวกเขาสร้างเจ้าโมอายขึ้นมาก็เพื่อเป็นตัวแทนของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว หรือไม่ก็น่าจะเป็นบุคคลที่มีความสำคัญ
ในปัจจุบัน รูปแกะสลักหินโมอายแห่ง เกาะอีสเตอร์ pantip นั้น ก็ได้รับเลือกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ แถมยังได้มีการจัดตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมา เพื่อให้มีการศึกษาเรื่องราวของมันอย่างแท้จริง แถมด้วยตอนปี 1888 เกาะนี้ได้รับการรวมเข้ามาอยู่ในความดูแลของประเทศชิลี ทำให้มีการสร้างสนามบินขึ้น เกาะแห่งนี้ก็เลยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศชิลีเลยทีเดียวค่ะ
สรุปแล้ว เกาะอิสเตอร์ เคยถูกสำรวจโดยฝรั่งเศส
ความจริงแล้วในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ทางฝ่ายฝรั่งเศสเคยเข้ามาสำรวจ เกาะ อีส เตอร์ ที่ เที่ยว แห่งนี้ก่อน พอมาถึงปลายศตวรรษที่ 19 เกาะแห่งนี้จะถูกประเทศชิลีครอบครองไป และต่อมาประมาณศตวรรษที่ 20 บรรดาประชากรบนเกาะแห่งนี้ ก็กลายเป็นสัญชาติชิลีอย่างเต็มตัว
และประมาณปี 1995 เกาะแห่งนี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนกับองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกมาจนถึงวันนี้ และในปัจจุบันเกาะแห่งนี้ก็มีประชากร ที่อยู่รวมกันหลากหลายเชื้อชาติ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะใช้ภาษาสเปน ซึ่งเศรษฐกิจของเกาะนี่ก็มุ่งเน้นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
ทำให้ เกาะอิสเตอร์ กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชม กันแบบไม่ขาดสาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีใจรัก ทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีเป็นส่วนใหญ่ค่ะ