สโตนเฮนจ์ หรือกลุ่มก้อนหินยักษ์ที่หลายคนอดสงสัยไม่ได้ ว่าเคยมีใครสร้างมันไว้หรือไม่ หรือว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่มีสโตนเฮนจ์ ความสําคัญ เป็นเครื่องมืออะไรทางธรรมชาติหรือเปล่า หรือว่ามันเป็นแค่เพียง ตำนานลึกลับ ที่เคยเกิดขึ้นใน หนังผี Netflix หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าสโตนเฮนจ์ อยู่ที่ไหน ซึ่งไม่ได้เป็นแค่เพียงกลุ่มหินที่ตั้งเด่นเป็นสง่า อยู่ที่กลางทุ่งราบซับชิสเบอร์ลี่ ที่อยู่ทางตอนใต้ของเกาะอังกฤษ
แต่ทราบหรือไม่ว่ามันได้ถูกบันทึก ให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และยังเป็นแค่สิ่งเดียวเท่านั้น ที่ยังไม่สามารถหาได้ว่ามีที่มาอย่างไร แถมไม่รู้อีกด้วยว่าสโตนเฮนจ์ ใครสร้าง มันขึ้นมาและจุดประสงค์ของการสร้างสโตนเฮนจ์ สร้างเพื่อ อะไรกันแน่ เรียกว่าเป็นสถานที่ที่น่าหลงใหลไม่แพ้ความลึกลับของ แม่จำเนียร 1/8/67 เลยล่ะ
สโตนเฮนจ์ มีที่มาอย่างไร?
สำหรับสโตนเฮนจ์ อยู่ในยุคไหน ความจริงถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคหินใหม่ซึ่งอยากทราบต่อไปอีกว่าสโตนเฮนจ์ อยู่ประเทศอะไร อยู่ในในประเทศอังกฤษและพวกนักโบราณคดี ก็ยังไม่ทราบด้วยว่าความลึกลับของเจ้ากลุ่มหินพวกนี้ มันถูกสร้างมาได้อย่างไร และมีจุดประสงค์อะไรในการสร้าง และที่น่าสงสัยไปกว่านั้น stonehenge คือ อะไรแล้วพวกมันมาจากไหน
ซึ่งงานนี้มีทีมนักวิจัยที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางภูมิศาสตร์ ของทางมหาวิทยาลัยไบร์ก์ตัน หาทางที่จะค้นหาด้วยการใช้เทคนิคใหม่ๆ มาเพื่อใช้วิเคราะห์เจ้าหิน ซาร์เซนเหล่านี้ที่มีความสูงถึง 9 เมตรแถมมีน้ำหนักมาถึง 30 ตันอีกต่างหาก และจากการใช้อุปกรณ์ใหม่ล่าสุดในการทำงานวิจัยอย่าง แมสส์ สเปกโตรเมตรี พร้อมกับเครื่องเอกซเรย์แบบเคลื่อนที่เพื่อเอามาใช้วิเคราะห์ถึงองค์ประกอบทางเคมีของเจ้าหินเหล่านี้
สำหรับสโตนเฮนจ์ สร้างเพื่อ อะไรและมันมีร่องรอยและองค์ประกอบอื่นๆ ที่รวมอยู่ในเจ้าหินเหล่านี้ แล้วนำเอามาเปรียบเทียบลักษณะขององค์ประกอบในหินและแหล่งที่มาจากแต่ละที่มากมายถึง 20 แห่งจนในที่สุดก็สามารถระบุได้แล้วถึงแหล่งที่มาเหล่านี้
จากการเฉลยถึงแห่งที่มานี้ทำให้เกิดการค้นพบที่ไปช่วยกระตุ้นทางทฤษฎี ว่าแท่งหินขนาดใหญ่เหล่านี้ถูกนำมาในเวลาเดียวกันเมื่อประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสตกาล และนั่นก็คือช่วงที่สองของการสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้นั่นเอง ส่วนว่าพวกคนในยุคนั้นเขาจะขนส่งหินนี้มาอย่างไร หรือว่าจุดประสงค์ที่สำคัญในการสร้างกลุ่มหินโบราณพวกนี้นั้น ยังไม่มีคำตอบในตอนนี้ค่ะ
ไม่ใช่แค่การค้นพบสิ่งใหม่ๆ เท่านั้นแต่ยังทำให้รู้ว่า stonehenge คือ ยุคสมัยที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ยังมีพวกนักวิชาการและนักโบราณคดีบางพวกเชื่อว่ามันคือซากปรักหักพังของวิหารโรมัน ซึ่งสโตนเฮนจ์ ความสําคัญ มีไว้เพื่อประกอบพิธีบูชาพระอาทิตย์ และบางกลุ่มสันนิษฐานอีกว่าสโตนเฮนจ์ สร้างเพื่อ ประกอบพิธีศพ แต่บางพวกก็บอกว่าเป็นสถานที่สำหรับใช้รักษาหรือเยียวยาคนป่วย เพราะว่าบริเวณใกล้เคียงเหล่านั้น มีกะโหลกศีรษะของมนุษย์มากจนผิดปกติ
แต่ว่าพวกนักดาราศาสตร์กลับมองว่า มันสามารถอดรหัสของแนวหินได้ว่ามันคือเครื่องคำนวณเวลาของยุคก่อน แถมยังเป็นประวัติศาสตร์ของทั้งปฏิทินดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ เพราะมีการสังเกตว่าแนวของก้อนหินเหล่านี้ มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดเป็นแนวของการเคลื่อนตัวของพระอาทิตย์และดวงจันทร์ หรือแม้แต่ดาวเคราะห์อื่นๆ ซึ่งในทางทฤษฎีก็มีหลายอย่างที่นำเอามาสนับสนุนผลการวิจัยเหล่านี้ ที่น่าจะเป็นเพียงอย่างเดียว ที่จะไขปริศนาได้สมบูรณ์มากที่สุด
แต่ไม่ว่าอย่างไรความลับที่คนทั่วโลกต่างค้นหา และสนใจอยากจะทราบทำให้เจ้าก้อนหิน stonehenge คือ สิ่งที่ถูกจัดให้กลายเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก แถมยังกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ เพราะมีผู้คนเดินทางมาในแต่ละปีจากทั่วโลกนั้นไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ
รูปร่างและลักษณะของสโตนเฮนจ์ ประวัติ
ลักษณะและรูปร่างของหินประหลาดนี้ประกอบไปด้วยแนวหินที่มีขนาดใหญ่วางเรียงรายไปยาวถึง 3 กม.ซึ่งถ้าหากว่านับแล้วก็จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดคือ 112 ก้อน และยังมีหินที่เป็นรูปวงกลมซ้อนกันถึง 3 วงซึ่งมีบางก้อนที่ล้มนอนไปก็มีแต่บางก้อนก็ยังตั้งตรง และมีบางก้อนก็วางซ้อนทับอยู่บนก้อนหินอีกสองก้อน
สำหรับวงนอกของแผ่นหินทรายขนาดใหญ่ที่แต่ละก้อนมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 ฟุตตรงนี้จะมีหินทั้งหมดคือ 30 ก้อนและแต่ละก้อนก็มีความสูงคือ 13 ฟุต และสำหรับวงกลางและวงในกลับเป็นหินสีฟ้า ที่ตรงนี้มีความเชื่อว่ากลายเป็นหัวใจของสโตนเฮนจ์ และวงกลางจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางคือ 76 ฟุต อันนี้จะมีทั้งหมด 40 ก้อน และมีอีกสองก้อนที่ตั้งสูงถึง 22 ฟุต ส่วนวงในสุดจะเป็นหินที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางคือ 50 ฟุตอันนี้มีหินทั้งหมดรวมแล้ว 42 ก้อน นอกจากนี้ยังมีหินชั้นใน ที่มีทั้งล้มไปบ้างแล้วและตั้งบ้างที่แต่ละก้อนจะมีความสูงประมาณ 13 ฟุตในจำนวนนี้ก็จะมีน้ำหนักประมาณ 26 ตัน
สรุปแล้ว สโตนเฮนจ์ ยังมีความพิศวงที่ชวนให้ค้นหา
ยังมีความน่าพิศวงของสโตนเฮนจ์ก็คือ บริเวณโดยรอบนั้นเป็นทุ่งกว้าง ซึ่งไม่มีทั้งภูเขาหรือว่าสิ่งก่อสร้างที่เป็นหิน ทำให้มีคำถามมากมาย ว่าหินยักษ์เหล่านี้นั้นมันมาจากไหนเป็นไปไม่ได้ที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน แต่ด้วยความหนักและความใหญ่โตขนาดนี้ มันจะมาอยู่ตรงนี้ได้ไง เพราะว่าเครื่องมือเครื่องไม้ในสมัยก่อนก็ยังไม่มี ทำให้กลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ถ้าจะเคลื่อนย้ายหินที่มีความใหญ่โตขนาดนี้
ทำให้คนต่างก็พูดกันไปต่างๆ นานาว่า สโตนเฮนจ์ น่าจะเกิดมาจากฝีมือของมนุษย์ต่างดาว ที่สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง และแน่นอนว่ายังคงเป็นคำถามว่าสโตนเฮนจ์ ความสําคัญ ที่หลายคนต้องการอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ