พีระมิดคูฟู เปรียบเสมือนสิ่งมหัศจรรย์ของโลกมาตั้งแต่ยุคโบราณ ที่ยังคงเป็นประติมากรรมเหนือกาลเวลาอาจจะมีคำถามที่ว่า พีระมิดคูฟู อยู่ที่ไหน ความจริงที่ตั้งตระหง่านอยู่ในประเทศอียิปต์ จากที่เราเคยทราบกันมาก่อนว่า วัตถุประสงค์ในการสร้าง ปิรามิดแห่งกิซ่า ก็คือเป็นที่ฝังพระศพ ของบรรดากษัตริย์โบราณ อย่างพวกฟาโรห์ เพียงเพราะต้องการให้พระศพ ยังคงรูปอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ ซึ่งเป็นไปตามความเชื่อของคนในยุค ฟาโรห์คูฟู แห่งราชวงศ์ที่ 4 ที่ปกครองตามแบบอียิปต์โบราณ
พีระมิดคูฟู มีไว้สำหรับกษัตริย์กับชีวิตหลังความตาย
สำหรับ ประวัติพีระมิด คนอียิปต์โบราณได้มีความเชื่อต่อๆ กันมากว่าเมื่อกษัตริย์ของพวกเขาสิ้นพระชนม์ และเดินทางไปสู่ชีวิตหลังความตาย และอยู่ในฐานะพระเจ้าซึ่งรอการกลับคืนพระชนม์ชีพ ทำให้ต้องมีการจัดเตรียม สำหรับหลายอย่างโดยการสร้างสุสาน หรือนั่นก็คือ ปิรามิดแห่งกิซ่า ที่มีขนาดใหญ่โตมาก เพื่อจะได้เป็นที่เก็บอุปกรณ์ และทรัพย์สมบัติทั้งหมดรวมถึง ของใช้ที่จำเป็นทั้งหมดที่กษัตริย์ของพวกเขา จะต้องการใช้ในโลกหน้า
ปิรามิดแห่งกิซ่า แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นพีระมิดแห่งแรก ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดแถมยังเก่าแก่มากที่สุด เพราะว่ามีความเก่าแก่มานานถึง 4,500 ปี ก็คือพีระมิดแห่งคูฟู ซึ่งคนทั่วไปก็จะรู้จักกันในนามของ The Great Pyramids ที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่สมัย 2,550 ปีก่อนคริสตกาลกันเลยทีเดียวค่ะ
พีระมิดคูฟู ประวัติ ที่อยู่เคียงข้างกันมีชื่อว่า พีระมิดแห่งคาเฟร Khafre
และหลังจากสามสิบปีต่อมา พระโอรสของฟาโรห์ ก็ได้สร้างพีระมิดแห่งคาเฟร โดยที่สร้างอยู่ใกล้ๆ กันและยังมีการสันนิษฐานด้วยว่า สฟิงซ์ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฝ้าสุสานของพระองค์นั้น ยังมีความเชื่อว่าพวกมันก็คือ สิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายของพวกมันเป็นเหมือนสิงโต แต่มีศีรษะเหมือนกับมนุษย์
เป็นเหมือนผู้พิทักษ์ทางด้านวิญญาณ แต่ในส่วนของมหาสฟิงซ์แห่งกีซา มีความเชื่อกันมาอย่างยาวนาน ว่าได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เฝ้าสมบัติต่างๆ ภายใน พีระมิดกีซ่า และยังเป็นตัวขจัดพวกวิญญาณชั่วร้าย ไม่ให้บรรดาพวกมารร้ายมารบกวนหรือว่ามาวุ่นวายกับพระศพของกษัตริย์ที่รักของพวกเขา
พีระมิดแห่งคูฟู ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ก็คือในสมัยของฟาโรห์คูฟู ที่ถือว่าเป็นมหาพีระมิดที่มีความสูงถึง 147 เมตรหรือ 481 ฟุตถ้าหากว่าเปรียบเทียบกับอาคารสูงสมัยนี้ ก็น่าจะสูงประมาณตึกสัก 40 ชั้นในสมัยที่ก่อสร้างจนแล้วเสร็จนั้น กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลก และสถิตินี้ก็เป็นเวลายาวนานต่อเนื่องถึง 43 ทศวรรษ
ต่อมามีสิ่งก่อสร้างใหม่เกิดขึ้นใหม่ อย่างวิหารลินคอล์น ในประเทศอังกฤษ ซึ่งจะมียอดสูงถึง 160 เมตรแต่ในปี 1300 เกิดพายุและวิหารถูกทำลายลง แต่ส่วนยอดของพีระมิดคูฟูก็เกิดการสึกกร่อนไปตามธรรมชาติ ทำให้ มหาวิหารเซนต์ โอลาฟ ของประเทศเอสโตเนีย ที่สร้างขึ้นที่หลังในปี 1519 กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกด้วยยอดความสูงก็คือ 159 เมตร
ในขณะที่ความสูงของ พีระมิดกีซ่า คือ 137 เมตร ซึ่งต่ำกว่าเมื่อสร้างเสร็จไปประมาณ 10 เมตร ต่อมาทางรัฐบาลของพวกเขา ได้ดำเนินการติดตั้ง โครงเหล็ก เพื่ออยากจะแสดงให้ทราบถึงความสูงอย่างแท้จริง
รูปทรงของพีระมิด คูฟู เป็นลักษณะที่เฉพาะตัว
รูปทรงของพีระมิดแห่งนี้มีลักษณะ ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ ก็คือเขาได้สร้างให้ ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งประกอบไปด้วยด้านที่เป็นสามเหลี่ยมทั้ง 4 ด้านที่ยอดสามเหลี่ยมแต่ละด้าน เอียงเข้าบรรจบกัน ที่มีความกว้างอยู่ที่ด้านละประมาณ 230 เมตรคือกว้างประมาณ สนามฟุตบอลต่อกันสองสนาม
ซึ่งคิดเป็นพื้นที่ฐานประมาณ 53,000 ตารางเมตรหรืออยู่ที่ประมาณ 33 ไร่ ตรงฐานที่ล่างสุดนั้นเป็นส่วนที่ก่อขึ้น บนชั้นหินที่แข็ง ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ชั้นทราย เพราะเขาตั้งใจป้องกัน การทรุดตัวของชั้นทราย เพราะว่ามันมีผลต่อความคงทน และความแข็งแรงนั่นเอง
ในส่วนโครงสร้างของตัวพีระมิด คูฟู นั้น ทางด้านผิวหน้าของแต่ละด้านนั้น ทำมุมเอียงที่ประมาณ 52 องศา ซึ่งสำหรับตรงนี้ทางวิศวกรน่าจะมีการคำนวณออกมาแล้ว ว่าเหมาะที่จะทำให้เกิดความคงทน และการสึกกร่อนอันเนื่องมาจากพายุทรายได้ดีที่สุด และจากที่ข้อมูลได้เคยระบุไว้ ว่าที่นี่ใช้จำนวนหินในการก่อสร้างที่มีขนาดต่างๆ กัน
ซึ่งนับจำนวนหินที่มีขนาด 2-2.6 ล้านปอนด์ทำให้มีน้ำหนักเฉลี่ยก้อนละประมาณ 2.5 ตัน โดยการจัดเรียงซ้อนกันไปที่ประมาณ 200 ชั้น ซึ่งถ้าหากว่าจะคิดเป็นน้ำหนักรวมก็ปาเข้าไป 6 ล้านตันเลยทีเดียว
สรุป พีระมิดคูฟู แห่งนี้มีข้อสังเกตที่น่าสนใจ
พีระมิดคูฟู ความสําคัญ มีข้อสังเกตก็คือ ด้านทั้ง 4 ของตัวพีระมิด คูฟู นั้นหันออกทางแนวทิศ เหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก ซึ่งถูกต้องแม่นยำตรงทิศและองศาอย่างมาก และไม่ใช่ตามทิศเหนือของแม่เหล็ก ทำให้การก่อสร้างสถานที่แห่งนี้ ไม่ได้อ้างอิงตามเข็มทิศ ซึ่งตำแหน่งของพีระมิดนั้น มีความคลาดเคลื่อนนิดหน่อยจากทิศเหนือแค่เพียง 3 ลิปดา 6 ฟิลิปดา
ทำให้เราได้เห็นภูมิปัญญา ของคนอียิปต์โบราณ ว่าพวกเขานั้นมีการประยุกต์ใช้ความรู้ ทางด้านดาราศาสตร์ เอามาใช้เพื่อกำหนดทิศทางได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคนงานก่อสร้างของ พีระมิดกีซ่า แห่งนี้ ยังสามารถทำงานได้อย่างเที่ยงตรงและแม่ยำ โดยที่หินตรงส่วนที่เป็นฐานของพีระมิดคูฟู นั้นมีการจัดเรียงเสมอกันทุกก้อน และมีความคลาดเคลื่อนไม่ถึง 2.5 ซ.ม.เท่านั้น ดีงามเทียบเท่าเทคโนโลยีในปัจจุบันเลยทีเดียวค่ะ