ประวัติเมืองลับแล เป็นเมืองลึกลับจริงหรือ ? และต้นตอของตำนานเล่าขาน
ประวัติเมืองลับแล ที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าหากไม่ใช่คนในพื้นที่ เข้าไปก็จะหลง อยู่ในนั้นแหละ ความรู้ต่อเมืองนี้ ของเรานั่นได้ยินมาแค่นี้เลย. . ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่จากชื่อให้ความรู้สึก เหมือนเป็นเมืองถูกสาป สถานที่ลึกลับ ยังไงอย่างงั้น งั้นเราทำความรู้จัก สถานที่นี้ให้มากขึ้น ไปพร้อม ๆ กันเถอะ!
อาถรรพ์เมืองลับแล เกิดจากอะไร เมื่อไหร่ และที่ไหน ?
เหมือนว่าเมืองลับแล จะไม่ได้ที่เดียว แต่ยังมี 5เมืองลับแล จังหวัดราชบุรี, เมืองลับแล กาญจนบุรี เมืองลับแล พญานาค และไฮไลต์ เมืองลับแล อุตรดิตถ์ pantip ที่เหมือนเป็นoriginal เราจะมาพูดถึงที่นี่กัน พร้อมกับ ภาพเมืองลับแล ประกอบไปด้วย
เมืองลับแล หรือที่หมายถึง อำเภอลับแล ก็จัดเป็นอำเภอหนึ่ง ของจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นสถานที่โบราณมาก ๆ ที่มีมาตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (สมัยกรุงสุโขทัยที่ 1) ดังนั้นก็จึงไม่แปลก ที่จะมีประวัติแปลก ๆ แบบนี้เกิดขึ้น
คำว่าลับแล ได้การสันนิษฐานจาก สมเด็จกรมพระยา ดำรงราชานุภาพ ว่าเดิมทีนั้น ชาวเมืองน่านและแพร่ หนีข้าศึกเข้ามา ตั้งชุมชนใหม่ที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ เป็นป่ารกร้าง ซ่อนตัวได้ง่าย สภาพเนินเขาเป็นหุบเขาขึ้นและลง ทำให้เมื่อคนแปลกหน้า เข้ามาที่นี่ จะหลงทางได้ง่าย
นอกจากลับแล จะเป็นเมืองเก่าแก่ ที่น่าสนใจแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิต พวกสินค้าพื้นเมืองล้านนา เช่น ไม้กวาด ผ้าตีนจก แหล่งปลูกลางสาด และที่เพาะปลูกผลไม้ ชื่อดังของจังหวัด อย่างทุเรียนพันธุ์หลง และหลินของลับแลนั่นเอง แต่เดิมเคยเป็นพื้นที่ เมืองใหญ่ของชุมชน เขมรและละว้า และคนยุคใหม่ได้ไปรู้ ว่าที่นี่เคยรุ่งเรืองมาก่อน ก็เพราะได้ไปขุดพบ กลองมโหระทึก และพร้าสำริด หลังจากอาณาจักรเขมร ล่มสลายลงแล้ว คนไทยก็เข้ามาอยู่แทนที่
สรุปแล้วเหตุผลหลัก ที่ทำให้เมืองลับแล เป็นเมืองลึกลับ ก็เพราะเส้นทางที่คดเคี้ยว การเดินทางไม่สะดวก ทำให้คนนอกพื้นที่ หรือคนแปลกหน้าที่เข้าไป หลงทางได้ง่าย เมืองลับแล หมายถึง เมืองที่มองไม่เห็น
จึงมีความเชื่อ ต่อมาว่าคนมีบุญมากเท่านั้น ที่จะเข้าไปถึงได้
ต่อไปนี้คือเรื่องเล่าของ เมืองลับแล นิทาน หนุ่มสาวในตำนาน ที่เล่าต่อกันมาอย่างยาวนาน จนเกิดเป็นประติมากรรม แม่หม้ายประจำเมืองลับแล
เริ่มจากมีชายคนหนึ่ง เข้าไปในป่า และได้เจอกับเหล่าหญิง สาวสวยมากหน้าหลายตา เดินออกมาจากป่ากัน และพวกนางก็นำ ใบไม้ในมือแต่ละคน ไปซ่อนไว้ตามจุดต่าง ๆ ก่อนจะเข้าเมืองไป ด้วยความที่ชายหนุ่มคนนี้ สงสัยว่าทำอะไรกัน จึงได้ไปหยิบใบไม้ ที่ซ่อนไว้มา 1 ใบ และแอบเก็บกลับไป
พอตกช่วงสาย หญิงเหล่านั้นก็กลับมา เพื่อที่จะเก็บใบไม้ของตน ก่อนจะเดินจากไปอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่า มีสาวสวยคนหนึ่ง หาใบไม้ของตัวเองไม่เจอ เพราะชายหนุ่มคนนั้นหยิบไป เธอตกใจและวิตกกังวลมาก ชายหนุ่มเห็นจึงคืนให้ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนกับเธอ 1 ข้อ คือเธอจะต้องยอม ให้เขาติดตามเข้า เมืองลับแลไปด้วย หญิงสาวจึงตกลง และพาเข้าไปยังเมือง
เมื่อเข้าไปได้แล้ว ชายหนุ่มก็ได้สังเกตเห็น ว่าที่นี่มีแต่ผู้หญิง จึงถามสาวคนนี้ หญิงสาวจึงบอกกับเขา ว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก ใครที่อยู่จะต้องมีศีลธรรม รักษาคำพูด ไม่พูดโกหก ไม่ประพฤติผิด หากใครทำผิดกฎกติกา จะต้องออกจากเมืองนี้ไป
ซึ่งผู้ชายส่วนมาก มักชอบพูดจาโกหก ไม่รักษาคำพูด ทำให้ถูกไล่ออกจาก เมืองไปกันหมด เธอจึงพาเขาเดินต่อ ไปหาแม่ของเธอ และด้วยความที่ชายคนนี้ รู้สึกชอบพอในสาวคนนี้ จึงขออาศัยอยู่ด้วยเลย (ใช่เล่นที่ไหน) แม่ของเธอก็ยอมด้วยนะ! และสุดท้ายชายหนุ่ม ก็ได้แต่งงานกับสาวคนนี้ โดยสัญญาตามกฎของเมืองนี้ เป็นที่เรียบร้อย จนต่อมาได้มี ลูกชายด้วยกัน 1 คน
และแล้วก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อวันหนึ่งที่หญิงสาว ออกไปข้างนอก และชายคนนี้ เลี้ยงลูกตามลำพัง ลูกเกิดร้องไห้งอแง หาแม่ขึ้นมาอย่างไม่หยุด เขาจึงพูดโกหกขึ้นมาว่า “แม่มาแล้ว ๆ ไม่ต้องร้องนะ” แม่ของฝ่ายหญิง ที่อยู่บ้านได้ยินเข้า จึงโกรธมากที่ เขาพูดโกหก ไม่รักษาสัญญา เมื่อลูกสาวตัวเองกลับมา จึงเล่าให้ฟังทันที
ฝ่ายหญิงเมื่อรู้เรื่องเข้า ก็เสียใจมาก เธอจึงจำเป็น ต้องไล่เขาออก จากหมู่บ้านไป โดยยังเตรียมของใช้จำเป็น และเสบียงอาหารให้สามี เป็นครั้งสุดท้าย พร้อมสิ่งที่น่าสงสัยตรงนี้ คือเธอขุดหัวขมิ้น ใส่ลงไปในย่ามเขาด้วย เป็นจำนวนมาก จากนั้นก็พาเขาไปยังชายป่า ที่เคยเจอกันครั้งแรก บอกทางออก และเธอก็กลับเข้าเมืองไป นั่นก็คือครั้งสุดท้าย ที่เขาและเธอได้เจอกัน
ชายคนนี้ก็ไม่รู้ ว่าจะทำยังไงต่อไป ก็เลยได้แต่เดินไปตามทาง ที่อดีตภรรยาบอก ระหว่างทางที่เดินไป เขาก็รู้สึกว่าย่าม มันหนักขึ้นเรื่อย ๆ (หรือเพราะอาการเหนื่อย) เขาจึงเลือกทิ้งขมิ้นออกไปตามทาง หลังจากกลับไป ที่หมู่บ้านเดิม ที่ตนเคยอาศัยอยู่ คนอื่น ๆ ก็ถามถึงสารทุกข์สุกดิบ ว่าหายไปไหนมานาน ? ไปอยู่ที่ไหนมา ? ชายคนนี้จึงเล่า เรื่องทั้งหมดให้ฟัง
รวมถึงเรื่องที่ฝ่ายหญิง ขุดขมิ้นใส่กระเป๋ามาให้ด้วย เขาก็เล่าว่ารู้สึกหนัก จึงทิ้งไปทั้งหมด เหลือแค่แง่งเดียว ขณะนั้นก็หยิบมันออกมา ปรากฏว่าขมิ้นนั้น มันกลายเป็นทองคำแท่ง! ชายคนนี้จึงประหลาดใจ และรู้สึกเสียดาย จึงย้อนทางเดิมกลับไปอีกครั้ง ปรากฏว่าเจอขมิ้นพวกนั้น กลายเป็นต้นไปหมดแล้ว
เมื่อลองขุดรากดู ก็เป็นขมิ้นธรรมดา ๆ ที่มีสีเหลือง ไม่ใช่ทองแต่อย่างใด เขาจึงย้อนกลับไปที่เมืองนั้นอีก แต่หายังไงก็หาไม่เจอ หลงไปมาอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดต้องยอมแพ้ และนี่ก็เป็นเรื่องราวความเชื่อ ที่เล่าต่อกันมาค่ะ^^
หลังจากนั้น เมืองลับแลก็ได้มี การสร้างประติมากรรม ณ ประตูเมืองเอาไว้ เป็นรูปปั้นหญิงสาวอุ้มลูกน้อย และชายแบกย่ามคนหนึ่ง นั่งหันหลังให้ มีป้ายเขียนไว้ว่า ขอเพียงสัจวาจา (แม่หม้ายเมืองลับแล)
“หญิงที่ควรยกย่อง เชิดชูยึดมั่นในคุณความดี
ยอมเสียสละความรัก เพื่อธำรงจารีตประเพณี
ของการรักษา วาจาสัตย์ไว้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติ
ของชาวเมืองลับแล ทุกคน”
และนี่ก็เป็นเรื่องราว ของเมือง ลี้ลับลึกลับหลุดโลก ที่เกิดขึ้นใน จังหวัดหนึ่งประเทศไทย เรื่องสถานที่ลึกลับ ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ คุณสามารถคลิกไปอ่านสถานที่อื่น ๆ เพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ค่ะ
เรียบเรียงโดย M.Varin