ความเชื่อเรื่องกระจก ทุกวัฒนธรรมบนโลกมนุษย์ มีความเชื่อเป็นของตัวเองอยู่
ความเชื่อเรื่องกระจก วัฒนธรรมทางเอเชีย มีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า การกวาดพื้นหลังจากพระอาทิตย์ตก จะนำพาความโชคร้าย บ้างก็ว่าการตั้งตะเกียบ ในชามข้าวคือการเรียก คำสาป หรือเรียก วิญญาณ ให้มาหา
แต่ละที่ก็จะมีความเชื่อ แตกต่างกันไป แต่ความเชื่อเรื่องกระจกแตก คือความโชคร้ายนั้น แทรกซึมไปในหลาย ๆ วัฒนธรรม แต่สงสัยไหมว่า ความเชื่อนี้มาจากไหนกัน?
ต้นกำเนิดความเชื่อ ของเรื่องกระจกแตกนี้ ปัจจุบันก็ไม่สามารถ หาที่มาชัดเจน แม้จะมีร่องรอย ในประวัติศาสตร์ในหลาย ๆ สมัย แต่มีการคาดว่า เป็นความเชื่อที่ มีอายุยาวนานมากว่า 2000-2700 ปี
หลักฐานความเชื่อเรื่อง กระจกแตกจะนำความโชคร้าย สู่ตนเองเป็นเวลาเจ็ดปีนั้น ค้นพบทั้งในสมัย กรีซโบราณ และ จักรวรรรดิโรมัน มากกว่านั้นยังเชื่อว่า การเห็นภาพสะท้อน แบบนั้นคือการแสดงตัวตน ของพลังลึกลับ
กรีซโบราณ และ จักรวรรรดิโรมัน เป็นหลักฐานนี้เก่าแก่ที่สุด สมมติฐานที่ว่า ความเชื่อเรื่องกระจก มีการแพร่หลายและกลายเป็น ความเชื่อที่เป็นที่นิยมในสังคม จากทั้งสองสมัยนั้น ก็ดูเป็นเรื่องที่ เป็นไปได้มากที่สุด
เรื่องความเชื่อลึกลับ เหล่านี้ หากวิเคราะห์ในมุมมองของ วิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ มันเกิดขึ้นมาก็เพื่อที่ จะทำให้เราระมัดระวัง มากขึ้นกับกระจก ซึ่งไม่มีอะไรร้ายแรง หากคุณจะเชื่อเรื่องนี้
ในบทวิจัยหนึ่ง ยังค้นพบอีกว่า การมีความเชื่อประเภทนี้ เมื่อเราตกอยู่ใน สถาการณ์ตึงเครียด มันสามารถลดความเครียดของเรา และเพิ่มประสิทธิภาพ ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
แต่ก็ต้องระวังไว้ด้วย เพราะความเชื่อนั้น เปรียบเป็นดาบสองคม บางครั้งความเชื่อที่ผิด ๆ ที่มันขัดต่อการดำเนินชีวิต ก็สามารถจะสร้าง ความวิตกกังวล และความรู้สึกผิด ที่มากจนทำให้เสีย สุขภาพกายสุขภาพใจได้ง่าย
มันสามารถทำให้เรา รู้สึกต้องรับผิดชอบ อะไรบางอย่างทั้ง ๆ ที่คุณอาจจะไม่ได้เป็นก่อขึ้น หรือการเปลืองเวลาชีวิต เปลืองพลังงาน ในการมองหาทางลัด ที่จะได้ผลลัพธ์ที่ ตนเองต้องการ