คนหายในป่าไทย 2 คดีดังสุดแปลกคนหลงป่า ต้องพบกับเรื่องแปลกเรื่องลี้ลับอะไรบ้าง?
คนหายในป่าไทย อดีตคนหายอย่างไรล่องลอย มันเป็นปริศนาลี้ลับดำมืด มันจะมืดมากๆ ถ้าเหล่าคนหายนั้น ไม่มีใครหาพบ แต่กลับบางคดีที่พบตัว มันก็กลายเป็นเรื่องลี้ลับ หาคำตอบไม่ได้ กลายเป็นตำนานที่จะถูกเล่าต่อไป ในครอบครัวของพวกเขา ที่ต่างประเทศเกิดคดีแปลกๆ ขึ้นมามากมาย หลายคนเข้าป่าหายตัวไป มักจะไม่ได้กลับออกมาเป็นส่วนใหญ่ ในประเทศไทยก็เช่นกัน
แต่เรื่องราวเหล่านั้น เราไม่สามารถนำมาเล่าได้ จึงต้องหันมาดูเรื่องที่ไม่มีการตาย แต่กลับกลายเป็นความลี้ลับ ไร้คำตอบแทน
วันนี้เราจะมาเล่าเกี่ยวกับเรื่องคนหายของจริง พวกเขาเข้าไปในป่าตามที่ต่างๆหรือเรียกว่า คนหายในป่า แล้วสามารถมีชีวิตรอดออกมาได้อย่างอัศจรรย์ แล้วที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น
ก็คือเรื่องเล่า พูดถึงช่วงเวลาที่พวกเขาหายตัวไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน งั้นมาฟังว่าเรื่องราวเหล่านี้คืออะไรกันแน่ เรื่องที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ ต้องบอกก่อนว่าเป็นเรื่องจริง ที่ปรากฏอยู่ตามข่าวหนังสือพิมพ์ คนเหล่านี้หายไปแล้วได้กลับมา พร้อมกับเรื่องราวปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้ ในการพูดถึงนี้ เราจะใช้นามสมมุติ เพื่อเป็นการไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
เรื่องแปลกที่ 1 ยายคำหลงป่า เจอแต่หมวกกับเปลือกหน่อไม้
ช่วงเดือนกรกฎาคมปีพ.ศ. 2561 เหนื่อยกู้ภัยกำแพงเพชรได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ให้ช่วยตามหาคนหาย แถวชุมชนป่าไผ่ ตำบล นครชุม ชาวบ้านบอกว่าคนหายชื่อยายคำ อายุประมาณ 70 ปลายๆ ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากเข้าป่าไปหาหน่อไม้ ญาติต่างช่วยกันตามหา หายังไงก็หายายไม่พบ จึงมาขอแรงหน่วยกู้ภัย ช่วยระดมกำลังค้นหากันอีกครั้ง
โดยปกติยายคำไม่เคยหายไปนานขนาดนี้ แกเป็นคนชำนาญพื้นที่ อาจจะเกิดเหตุร้าย มากกว่าหลงป่าแน่นอน หลานของยายยืนยัน เจ้าหน้าที่กว่า 40 นาย นัดรวมพลที่บริเวณทางเข้าป่า พวกเขาใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง แต่ก็ยังไร้วี่แววของยายที่หายตัวไป จนฝนเริ่มตกหนัก เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจ พักการค้นหากันสักครู่
การค้นหาต่อมา เจ้าหน้าที่วางแผนการค้นหาตามมาตรฐาน เรียงแถวแบบหน้ากระดาน แล้วเดินค้นหาตามเทคนิคที่ถูกต้อง สิ่งที่พบเพิ่มเติม มีชาวบ้านพบหมวกของยายคำ ซึ่งจุดที่พบมันดูไม่ถูกต้องเพราะยายไม่น่าจะมาแขวนหมวกไว้ ในจุดที่เป็นป่ารกที่สุดตรงนั้นได้ ฝนก็ได้เริ่มตกหนักขึ้นอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง ถูกงูพิษกัดที่นิ้วโป้งเท้า เป็นอุบัติเหตุที่ไม่พึงประสงค์ ทุกคนจึงได้ยุติการหาอีกรอบหนึ่งเพื่อพาผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งโรงพยาบาล เวลาล่วงเข้าตอนเย็น ทีมงานจึงได้ค้นหายายต่อ พบเบาะแสเพิ่มเติม คือพบเปลือกหน่อไม้ที่ถูกปลอกทิ้งไว้ แต่ยายคำไม่ได้อยู่ตรงนั้น ท้องฟ้าเริ่มมืด เจ้าหน้าที่ทุกคนก็เข้าป่ากันเริ่มลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนมาถึงเวลา 5 ทุ่ม การค้นหาจึงต้องยุติลงอีกครั้ง แล้วรุ่งขึ้นค่อยค้นหายายต่อกันอีกครั้ง
เช้ามืดวันถัดมา การค้นหาถูกเตรียมการกันใหม่ ข้อสันนิษฐานถูกตั้งขึ้น “ถ้ายายเข้าป่า ยายจะไปอยู่ตรงไหนได้บ้าง” การค้นหาจึงมุ่งไปที่จุดเหล่านั้น แต่ก็ไม่พบล่องลอยของยายคำอยู่ดี ด้านหลานชายของยายก็เกิดสังหรณ์ใจว่า อย่างไรแล้วยายคำต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ แต่ที่ทุกคนหายายไม่เจอ น่าจะเพราะเจ้าที่เจ้าทาง ไม่ได้เปิดป่าช่วยพวกเขา การจุดธูปบอกกล่าว เจ้าที่เจ้าทาง เริ่มต้นขึ้นทันทีที่ชายป่า
หลานชายของยาย อธิษฐานว่า “หากยายคำยังมีชีวิตอยู่ ขอเจ้าที่เจ้าทางได้เปิดเส้นทาง ให้พวกเขาได้พบยายด้วยเทอญ” หลังจากปักธูปลง การค้นหาจึงกลับไปที่จุดต้องสงสัย ที่อยู่ห่างจากบ้านของยายกว่า 2 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อคืน พวกเขาก็ได้มาที่นี่แล้ว ช่วยกันค้นหามาแล้วก็ตั้ง 5 รอบ เช้ามืดก็หากันต่ออีกรอบ ถึงยังไม่พบ แต่ก็ยังมั่นใจว่า ยายคำต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ แต่ยายคำไปอยู่ตรงไหนกัน
หลานชายจึงจุดธูปขอเจ้าที่อีกครั้ง จากนั้นจึงพาคนไปค้นหาที่จุดเดิมอีกรอบ และรอบนี้ พวกเขาก็ได้พบยายคำ กำลังนั่งเหยียดขาอยู่ในป่าข้าวโพด ตรงจุดที่เมื่อกี้ ก็เข้าไปค้นหาแล้วแท้ๆ ร่างกายของยายเปียกโชกด้วยน้ำฝน ยายหนาวสั่นและเหมือนมีอาการปวดขา ทุกคนจึงพากันช่วยอุ้มยายกลับบ้าน ท่ามกลางความแปลกใจ ว่าทำไมยายคำถึงมาอยู่ตรงนั้นได้ หลังจากพายายส่งโรงพยาบาล
ยายคำก็ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ว่าเมื่อวานยายออกจากบ้านไปเข้าป่า เพื่อไปหาหน่อไม้ตามปกติ ตอนแรกก็หาอยู่แถวหลังบ้าน แต่ได้หน่อไม้ไม่มากสักเท่าไร ยายจึงตัดสินเดิมข้ามฝั่ง ไปยังป่าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของหมู่บ้าน ยายเดินเข้าป่าลึกไปเรื่อยๆ จนเข้าช่วงตอนเย็น ยายก็ได้ยินเสียงคนมาเรียกชื่อ เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิง ในป่าใครจะมาเรียกยายได้หละนั้น (ยายคำกล่าว)
ยายคำจึงรู้สึกหวาดกลัว จึงรีบเดินหนีเสียงเรียกอย่างไม่คิดชีวิต แล้วเสียงนั้นก็ยังเรียกตามมาติดๆ ยายจึงรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น พอได้ยินเสียงเรียกหลายครั้งเข้า ยายก็เริ่มหวาดกลัวมาก ยายจึงรีบวิ่งหนีเสียงเรียกนั้นอย่างรวดเร็ว จนหกล้ม และไปต่อไม่ไหว สุดท้ายก็มาอยู่ที่ป่าข้าวโพดตรงนั้น ยายตัดสินใจซ้อนตัวที่ป่าข้าวโพด ตรงนั้น ทั้งหิวทั้งหนาวเรี่ยวแรงหดหาย หนีต่อไปก็คงไม่ไหวแล้วจริงๆ
ยายจึงตัดสินใจนั่งอยู่นิ่งๆตั้งแต่ตอนนั้น โดยตลอดเวลาที่ยายนั่งอยู่ ยายไม่เห็นว่ามีใครตามหายายเลย จนกระทั่งรุ่งเช้านั้นล่ะ ถึงได้เห็นหลานชายเดินเข้ามา มาคนมาช่วยยายส่งโรงพยาบาล แล้วก็มาเล่าเรื่องให้ฟังนี่ล่ะ ตกลงยายคำไปเจอกับใคร เจ้าที่หรือผีสางนางไม้ หรือยายแค่หลอนเสียงคนที่มาช่วยออกตามหา ที่พากันออกมากันช่วงบ่ายกันนะ ตกลงเป็นเสียงของเจ้าที่ หรือเป็นเสียงของเจ้าหน้าที่กันแน่
คนหายในป่าไทย เรื่องแปลกที่ 2 ตาหลงป่า 2 วัน ยายเคี้ยวหมากปากแดงพาตัวไป
ตาหลงป่าช่วงต้นเดือนมกราคม ปีพ.ศ. 2561 ผู้ใหญ่บ้านโนนจิก จังหวัดขอนแก่น ได้รับแจ้งจากลูกบ้าน เกี่ยวกับการหายตัวไป ของชายชราคนหนึ่ง นามสมมุติคือในเกษม อายุประมาณ 84 ปี เขาเข้าป่าท้ายหมู่บ้าน เพื่อไปหาฟืนมาใช้ในครัวเรือน แกเข้าป่าในช่วงเช้ามืด จนสายก็ยังไม่กลับออกมา ญาติเห็นว่าผิดปกติ จึงช่วยกันออกตามหากันอยู่นาน ไม่มีใครผมนายเกษม นอกจากรถเข็นและข้าวห่อของเขา
ที่ถูกทิ้งไว้ตามไร่มันสำปะหลัง การระดมกำลังของชาวบ้านเพื่อออกตามหาชายชราจึงเกิดขึ้น อาสาสมัครพื้นที่นับร้อยนาย ช่วยกันหาจนทั่วป่าแล้ว แต่ก็ยังหาตาไม่พบ สุดท้ายจึงต้องไปขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกันทีมกู้ภัยใกล้เคียง รวมๆแล้ว ประมาณ 40 นาย ตามหานายเกษมอีกครั้ง การค้นหาเริ่มต้นหัวค่ำ จนย่างเข้าตี 2 ไม่มีใครพบล่องลอยเพิ่มเติมใดๆ
ในที่สุดการค้นหาจึงต้องยุติลง จนย่างเข้าช่วง 7 โมงเช้า มีชาวบ้านอาศัยอยู่ในไร่มัน บ้านของเขาอยู่ไม่ไกลจากป่าช้าเก่า ห่างจากจุดที่พบรถเข็นของตาเกษมกว่า 2 กิโลเมตร เขาแจ้งว่าพบความผิดปกติ สุนัขที่เลี้ยงไว้มันเห่าเหมือนไปเจออะไร เขาจึงได้ลองออกไปเดินหาดู เผื่อมีงูจะได้รีบไล่มันไปก่อน เขาเดินตามไปที่ที่หมาเห่าไปเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็ได้พบกับตาเกษม
ชายชราที่หายไปเมื่อคืนก่อนหน้า เขากำลังนั่งกินใบหญ้า เพื่อประทังความหิวโหยอยู่ตรงนั้น จุดที่พบนายเกษมเป็นป่าช้าเก่า มีหญ้าขึ้นจนรกทึบ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ทั่วพื้นที่ เขาจึงพานายเกษมมาที่บ้านของเขา หาข้าวปลาอาหารให้กินเสียก่อน แล้วจึงสอบถามว่าตามาทำอะไร ถึงได้มานั่งกินหญ้าอยู่ในป่าช้าได้ แล้วก็รีบเดินทางมาแจ้งความ พบว่าคนหายแล้ว
จะเป็นไปได้อย่างไร พวกเจ้าหน้าที่ก็ไม่เข้าใจ ก็ตรงแถวป่าช้าเก่าที่ว่า พวกเขาก็ไปค้นหากันมาแล้ว ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแน่ๆ แล้วทำไมตาเกษมถึงไปอยู่ตรงนั้นได้ แถมไกลกับจุดที่พบรถเข็นของตากว่า 2 กิโลเมตรเสียด้วย แถมตลอดทางจากจุดพบรถไปจนถึงจุดที่เป็นป่าช้าเก่า มันเป็นป่าสลับไร่อ้อยไร่มัน มีร่องดินคอยกั้นอยู่ตลอดทาง เป็นไปไม่ได้ที่ชายชราอายุมากกว่า 80 ปี แถมสุขภาพก็ไม่ค่อยจะดีคนนี้ จะสามารถเดินด้วยเท้ามาถึงป่าช้าเก่าได้
ท่ามกลางความสงสัย ตาเกษมเล่าให้ฟังว่า วันนั้นแกก็เข็นรถของแกตามปกติ จนกระทั่งเข็นมาถึงบริเวณชายป่า ตาก็ได้พบกับหญิงชราคนหนึ่ง โดยหญิงชราคนนั้น แกเคี้ยวหมากปากแดง ผมเผ้าปล่อยยาวรุงรัง ยายแกบอกว่ามารับตา แล้วยายก็พาตาเข้าไปในป่า หลังจากนั้นตาเกษมก็จำอะไรไม่ได้ สิ่งที่พอจะจำได้รางๆ คือมองเห็นไฟของทีมค้นหาอยู่ไม่ไกลนัก
ตาเกษมบอกว่า ฉันตะโกนขอความช่วยเหลือแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไม ไม่มีใครได้ยินเสียงฉันเลย ด่านฝั่งชาวบ้านที่พบรถเข็นของตาเกษม เล่าว่า ช่วงที่ตาเกษมหายตัวไปวันแรก เขาเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องอะไร ตอนนั้นประมาณ 10 โมงเช้า เขาได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือ เขาเดินตามเสียงร้องนั้นไป เขาก็ได้พบกับตาเกษมกำลังนอนดิ้นทุรนทุราย เหมือนกับเป็นอะไรสักอย่าง อยู่ใกล้จอมปลวกขนาดใหญ่
เขาได้เข้าไปช่วยเหลือตาแล้วเบื้องต้น สอบถามว่าตาเป็นใครมาจากไหน แต่ด้วยความที่เขาเพิ่งออกมาเลี้ยงวัว ยังไม่ได้ผูกวัว เพราะมาเจอตาเกษมก่อน เขาจึงรีบไปผูกวัวก่อน กะว่าเสร็จแล้วจะกลับมาช่วยตาต่อ พอกลับมาจุดที่พบตาเกษม ตาก็ไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว เหลือแต่รถเข็นกับห่ออาหารวางทิ้งไว้ ก็ได้แต่แปลกใจว่า เมื่อกี้ตาแกเหมือนจะลุกไม่ไหวอยู่เลย ไปผูกวัวแค่ไม่ถึง 10 นาทีกลับมา ตาแกหายไปไหนแล้วล่ะนั้น
และเขาก็ได้แจ้งกับทางการ ซึ่งถือว่าได้แจ้งเบาะแสเป็นคนแรก ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับตาเกษม หญิงชราทาปากแดงคนนั้นเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับจอมปลวกข้างทางนั้นหรือเปล่า และทำไมตาแกถึงเป็นหญ้าที่ ป่าช้าเก่า ได้ ก็ไม่มีใครทราบได้
เพื่อนๆฟังแล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นจริง ตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ และคนที่หายไป มีชีวิตรอดกลับมาเล่าเหตุการณ์แปลกๆให้ฟังด้วยตัวเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะ ยังมีอีกมากมายหลายเรื่อง เดี๋ยวแอดจะมาแชร์ให้เพื่อนๆฟังในครั้งต่อไป
เรียบเรียง BOMEBAMB