การเดินทางข้ามเวลา หนึ่งในความพยายาม ที่จะฝืนกฎธรรมชาติของมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาค้นคว้ากันมานาน จนพบว่ามันอาจจะมีความเป็นไปได้
การเดินทางข้ามเวลา นั้นเป็นเรื่องที่เป็นปริศนาชวนสงสัย สำหรับมนุษย์ มานานแสนนาน ว่าเราจากสามารถ ที่จะเดินทางไปยังช่วงเวลาในอดีต เพื่อพบกับผู้คน สิ่งแวดล้อม และบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง กับตัวเราได้หรือไม่ ?
รวมไปจนถึงการเดินทาง ไปยังช่วงเวลา ในอนาคต ที่ยังไม่มีใครรู้ว่า จะเป็นอย่างไร และจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรื่องราวเหล่านี้ถูกสะสม อยู่ในจินตนาการของมนุษย์ มาอย่างยาวนาน
จนเกิดเป็นทฤษฎีต่างๆ มากมาย ที่ปรากฏออกมาให้เห็น ในรูปแบบของ หนังสือแนววิทยาศาสตร์ นวนิยาย หรือแม้แต่ในภาพยนตร์เรื่องต่างๆ มาตั้งแต่ในอดีต จนถึงในปัจจุบัน เดินทางไปอนาคต
โดยพวกเราทุกคน รวมไปจนถึง เหล่าบรรดานักวิทยาศาสตร์ ที่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้ ต่างเฝ้ารอคอย ว่าสักวันหนึ่ง ทฤษฎีที่เป็นเพียงจินตนาการ ที่ลอยอยู่ในอากาศ จะได้มีโอกาส กลับกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ ในสักวันหนึ่ง
การเดินทางข้ามเวลา จินตนาการของมนุษย์ ได้เริ่มต้นมานานแล้ว
จุดเริ่มต้นของความใฝ่ฝัน ในการที่จะเดินทางข้ามเวลา ของมนุษย์นั้น ได้เริ่มเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมชัดเจน ก็เมื่อราว 125 ปี ที่ผ่านมา มันเริ่มต้น เมื่อเกิดมีหนังสือนวนิยาย ที่มีเนื้อหาพูดถึงเรื่องราว ที่แปลกใหม่เป็นอย่างมาก ในขณะนั้น มันถูกเขียนขึ้นโดย H.G. Wells ในปี ค.ศ. 1895
โดยหนังสือนวนิยาย เล่มนั้นมีชื่อว่า “The Time Machine” โดยหนังสือนวนิยายฉบับนี้ สามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยัน และบ่งชี้ได้ว่า เหล่าบรรดานักปรัชญา และกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ต่างๆ ต่างได้ให้ความสนใจ และได้ทำการศึกษา ค้นคว้าวิจัย ในทฤษฎีที่เกี่ยวกับ การทำลายกำแพงแห่งมิติ กันมาเนิ่นนาน เป็นร้อยปีแล้ว
โดยการศึกษา ทางวิทยาศาสตร์ ในช่วงเวลา ที่ใกล้สิ้นสุด ศตวรรษที่ 19 ได้สรุปในเรื่องของ เงื่ิอนไขของเวลา ออกมาเป็นในลักษณะของ มิติ (dimension) ซึ่งถ้าหากมนุษย์เรา สามารถที่จะเดินทาง ไปยังสถานที่ต่างๆ (space) ได้อย่างเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ก็น่าจะมีวิธีการ ที่เราจะเดินทาง ไปยังช่วงเวลาต่างๆ ได้เช่นกัน วิธีข้ามมิติ
นักปรัชญาของมหาวิทยาลัย เบอร์มิงแฮม ในประเทศอังกฤษ Nikk Effingham ได้นิยามแนวคิด ของเขาเอาไว้ว่า หากเราสามารถที่จะเดินทาง ไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้ตามที่ใจต้องการ เราก็น่าจะสามารถ ที่จะทำอย่างนั้น กับสิ่งที่เรียกว่า มิติของเวลา ได้ด้วยเช่นกัน โดยแนวคิดที่ว่านี้ จะเป็นจุดเริ่มต้น ของการสร้างเครื่องมือ ที่จะใช้ในการเดินทางดังกล่าว
การเดินทางข้ามเวลา อาจจะสำเร็จได้ด้วยการใช้ ทฤษฎีคู่ขนาน (Dueling theories)
H.G. Wells คืนนักเขียนที่มีจินตนาการสูงส่ง แต่นักฟิสิกส์คนสำคัญของโลก ก็ได้ให้ความสนใจ ในแนวคิดของเขา อย่างเป็นจริงเป็นจัง โดย อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้ทำการเผยแพร่ แนวคิดเริ่มต้นของทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special Relativity) ที่เขาเป็นผู้ที่ทำการวิจัย ด้วยตัวของเขาเอง การย้อนเวลา pantip
โดยทฤษฎีดังกล่าว มีความเชื่อว่า เวลากับสถานที่นั้น สามารถที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ในรูปลักษณะของตัวมันเองได้ โดยปริมาตรของเวลา และพื้นที่ จะขึ้นอยู่กับ ความเร็วสัมพัทธ์ (Relative Speed) ของคนที่ได้ กระทำการวัดขนาด อยู่ในขณะเวลานั้น
โดยในเวลาสองปีต่อมา เฮอร์แมน มินครอฟสกี้ ผู้ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ มากประสบการณ์ ชาวเยอรมัน ได้ออกมาทำการอธิบายทฤษฎีดังกล่าวของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ว่าเวลากับพื้นที่ สามารถที่จะคำนวณออกมา เป็นคุณลักษณะของ 4 มิติ โดยทางวิชาการ จะต้องเรียกว่า ปริภูมิ-เวลา (Space-time)
และ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้ออกมาทำการอธิบาย ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ เพิ่มเติม ในปี ค.ศ. 1915 ซึ่งว่าด้วยเรื่องของ ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป (General Relativity) โดยทฤษฎีดังกล่าว จะเป็นการนิยามความหมาย ของแรงโน้มถ่วงของโลก ด้วยภาพลักษณ์ใหม่
โดยได้มีการเปลี่ยนแปลง แนวความคิด จากที่เคยมองว่า แรงโน้มถ่วง มันคือ แรง (force) กลายเป็นมองว่ามันคือ สิ่งที่ทำหน้าที่ครอบคลุม ปริภูมิ-เวลา เอาไว้แทน วิจัย การเดินทางข้ามเวลา
ซึ่งเพียงแค่ ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ก็มากพอที่จะก่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่า การเดินทางข้ามเวลานั้น สามารถที่จะเกิดขึ้นได้จริง เพราะพื้นที่กับเวลา มีความสัมพันธ์ใกล้เคียงกัน มากกว่าที่มนุษย์ เคยเข้าใจมาโดยตลอด
อีกทั้งยังได้รับการยืนยัน ในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง โดยนักฟิสิกส์ แห่งมหาวิทยาลัย เซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย อย่าง คลิฟฟอร์ด จอห์นสัน ว่า อะไรก็ตามที่มนุษย์ สามารถที่จะก่อให้เกิด การกระทำกับพื้นที่ได้ ก็สามารถที่จะกระทำ กับเวลาได้ด้วยเช่นกัน
ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ อาจเป็นคำตอบของทุกข้อสงสัย
สิ่งหนึ่งที่ ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้บอกเอาไว้ คือ เราสามารถที่จะเดินทาง ไปในอนาคตได้ แต่ไม่สามารถ ที่จะเดินทางย้อนกลับไป ในอดีตได้ และการเดินทางไปในอนาคต ก็ยังเป็นเพียง การเดินทางไป ในระยะสั้นๆ เท่านั้น โดยเป็นการอ้างอิง จากแนวคิดของ ปฏิทรรศน์ฝาแฝด (Twin paradox)
โดยสามารถ ที่จะยกเป็นตัวอย่างได้เช่น หากเราออกเดินทาง ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่อยู่ไกลออกไปในอวกาศ ด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกับความเร็วของแสง ในขณะที่คู่แฝดของเรายังคงรออยู่บนโลก เมื่อทันทีที่กลับมาถึง ก็จะพบว่าคู่แฝดของเรากลับมีอายุที่มากขึ้นกว่าเรา ซึ่งในทางหลักการของฟิสิกส์ เชื่อว่าเป็นเรื่องที่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้จริง หนุ่ม เดินทางข้ามเวลา
โดยช่องทางที่เรา อาจจะสามารถใช้ เป็นช่องทางในการเดินทาง นั่นคือ รูหนอน (wormhole) โดยเชื่อว่ามันคือช่องทาง ที่ได้ถูกสร้างเอาไว้ เพื่อการเชื่อมต่อกัน ระหว่างสถานที่หนึ่ง กับอีกสถานที่หนึ่ง ในปริภูมิ-เวลา
แต่ถึงแม้ว่าทฤษฎีของหลุมดำ จะถูกนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ และถ่ายภาพเอาไว้ได้ว่ามันมีอยู่จริง แต่ในเรื่องของทฤษฎีรูหนอน ก็ยังไม่มีใครออกมายืนยัน ว่ามันนั้นมีอยู่จริงในระบบจักรวาล เดินทางข้ามเวลา ภาษาอังกฤษ
ถึงแม้ในปัจจุบัน ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหน สร้างอุปกรณ์ที่จะใช้ สำหรับการเดินทางข้ามเวลาได้จริงๆ รวมไปจนถึงรูหนอนจำลอง ที่จะต้องสร้างขึ้นมา เพื่อใช้เป็นช่องทางในการเดินทางข้ามเวลา
แต่บรรดานักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ก็ยังคงจะให้ความสนใจ กับการที่จะทำให้ ทฤษฎีสัมพัทธภาพ กับ กฎกลศาสตร์ควอนตัม (Quantum Mechanics) นั้นรวมกันได้เป็นหนึ่ง ในทางเหตุและผล คาถาข้ามเวลา
Artist Em